5 ความเชื่อที่ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีคนเชื่ออยู่

ในโลกใบนี้มีเรื่องราวมากมายที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสืบค้นข้อมูลและหาหลักฐานจนนำมาซึ่งทฤษฎีต่างๆ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ ที่เขาได้ยินได้ฟังสืบต่อกันมา ซึ่งเรื่องราวต่อไปนี้จะเป็น 5 ความเชื่อที่ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีคนในโลกใบนี้เชื่ออยู่ จะเป็นอะไรกันบ้างไปชมกันเลย
.

1.โลกแบน

พระเจ้า! ในทุกวันนี้ยังมีคนเชื่อว่าโลกแบนอยู่เลยค่ะ เขาเชื่อมากถึงขนาดรวมกลุ่มกันเป็นสมาคมกันเลย เรียกว่าองค์กรผู้จัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยความเชื่อเรื่องโลกแบน (Flat Earth International Conference – FEIC) ซึ่งคนเหล่านี้ก็มีทั้งคนดัง นักร้องชื่อดังของโลก และก็คนธรรมดาทั่วไป ที่เชื่อว่าโลกนั้นแบนเหมือนจาน โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ ส่วนขอบโลกคือทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเขาเชื่อกันว่ามันมีน้ำเเข็งเป็นกำแพงกั้นไม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างตกลงไปที่ขอบโลก
.

เขาเชื่อกันจริงจังมากจนถึงกระทั่งสมาคม FEIC นี้เขามีแผนที่จะออกเรือสำราญไปเที่ยวรอบโลกเพื่อพิสูจน์ว่าโลกแบนด้วย เรียกได้ว่า เชื่อโดยไม่สนใจทฤษฎีหรือข้อค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อดีตอย่างเช่น อริสโตเติล กาลิเลโอ หรือโคลัมบัสเลย แล้วก็น่าแปลกใจมากว่าเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ที่สามารถทำให้เรามองเห็นโลกจากระยะไกล ทั้งภาพถ่ายของนาซ่า หรือภาพจากยานสำรวจต่างๆของแต่ละประเทศ ก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้คนกลุ่มนี้กลับมาเชื่อว่าโลกกลมได้เลย  แล้วเพื่อนๆอย่าได้คิดไปเถียงกับพวกเขานะคะ เพราะเขาจะว่าเพื่อนๆว่าเป็นพวกทฤษฎีสมคบคิดเอา
.

2.ออสเตรเลียไม่มีอยู่จริง

พีคมาก ! ออสเตรเลีย ไม่มีอยู่จริง มีหลายคนเลยละที่เชื่อว่าออสเตรเลียนั้นเป็นแค่เมืองที่สมมติขึ้นมา เรื่องของเรื่องคือเมื่อก่อนในอดีต ประเทศอังกฤษเขาจะส่งนักโทษไปอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่ดันเกิดการสังหารหมู่ขณะที่กำลังล่องเรือ จนทำให้นักโทษนั้นเสียชีวิตก่อนที่จะไปถึง จนเป็นที่มาของคำว่า “ออสเตรเลีย ไม่มีอยู่จริง”
.

พอเรื่องราวๆต่างๆถูกถ่ายทอดบอกต่อกันมาในปัจจุบัน ก็มีคนเชื่อจริงๆว่า ออสเตรเลียไม่มีอยู่จริง ที่เราเห็นตามภาพตามข่าว คือนักแสดง และเมืองจำลองที่รัฐบาลทำขึ้นมาเพื่อตบตา ทั้งๆที่ในปัจจุบันนี้มีคนเดินทางไปออสเตรเลีย เพื่อไปเที่ยว ไปเรียน ไปทำงาน ซึ่งมันก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าออสเตรเลียมีตัวตนจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เชื่อว่าออสเตรเลียไม่มีอยู่จริงหันกลับมาเชื่อได้เลย
.

3.พระจันทร์เต็มดวงทำให้คนบ้า

เพื่อนๆลองสังเกตพวกนิทาน หรือนิยายต่างๆในอดีตที่ชอบพูดถึงพระจันทร์ว่าเมื่อดวงจันทร์เต็มดวงเมื่อไร มนุษย์จะกลายเป็นหมาป่า หรือสัตว์ร้าย เชื่อไหมคะว่า มีคนเชื่อแบบนั้นจริงๆ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นหมาป่าหรืออะไร แต่เขาเชื่อว่า อิทธิพลของดวงจันทร์เต็มดวงนั้นจะทำให้อารมณ์ของมนุษย์นั้นแปรปรวน ฉุนเฉียว และอาจทำให้เป็นบ้าได้
.

แต่ในความเป็นจริงแล้วความบังเอิญของพระจันทร์ที่เต็มดวงนั้นมันมักจะตรงกับวันหยุดหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ ซึ่งช่วงเวลานั้นผู้คนก็จะออกเดินทางท่องเที่ยว พักผ่อน เพราะเป็นวันหยุด ซึ่งแน่นอนว่า การที่มีคนมารวมตัวกันเยอะๆก็อาจจะเกิดเหตุต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ทะเลาะวิวาท หรืออาชญากรรม ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้คนที่เชื่อเหล่านั้นเอาเรื่องราวไปโยงต่อเนื่องกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วอิทธิพลของดวงจันทร์เต็มดวงไม่ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์แต่อย่างใด
.

4.โลกไม่ได้ร้อนขึ้น

ในขณะที่ประเทศไทยร้อนจนผิวหนังแทบจะไหม้แต่อีกฟากหนึ่งของโลกยังมีความเชื่ออยู่ว่า โลกเราไม่เคยร้อนขึ้น พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์อย่างพวกเราไม่ได้มีอำนาจหรือมีอิทธิพลพอที่จะทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เขายังเชื่ออีกว่า ธรรมชาติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ซึ่งพวกคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือพวกธุรกิจน้ำมัน
.

ซึ่งจริงๆแล้วโลกของเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก หากเพื่อนๆได้อ่านงานวิจัยมากกว่าหลายหมื่นชิ้น จะรู้ว่าโลกเรานั้นกำลังประสบกับปัญหาภาวะโลกร้อนจนสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ได้รับผลกระทบมาโดยตลอด แต่การพบเจอภาวะโลกร้อนแบบนี้จะค่อยๆเกิดขึ้นจนมนุษย์โลกอาจจะยังมองไม่เห็นข้อแตกต่างถึงการเปลี่ยนไปของโลกใบนี้ จนทำให้คนบางกลุ่มคิดว่า โลกไม่ได้ร้อนขึ้น 
.

5.วัคซีนใช้ไม่ได้จริง

เพื่อนๆเชื่อไหมว่ามีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากที่เขายังไม่ค่อยเชื่อเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนเท่าไรว่ามันสามารถใช้ในการป้องกันโรคได้ แถมเขายังคิดว่ามันไม่ดีต่อร่างกายด้วย ซึ่งความคิดผิดๆแบบนี้ส่งผลให้คนเหล่านี้ไม่ยอมฉีดวัคซีน หรือให้ลูกหลานตัวเองฉีดวัคซีน
.

ซึ่งจริงๆแล้ววัคซีน มันก็คือส่วนประกอบของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของโรคนั้นๆ ซึ่งมันจะไม่ใช่ไวรัสหรือแบคทีเรียเต็มตัวที่จะสามารถไปสร้างเชื้อหรือฟักเชื้อในตัวเราได้ มันเป็นเหมือนตัวหลอกภูมิคุ้มกันเรา เพราะเมื่อฉีดไปแล้ว ส่วนประกอบเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน โดยในกระบวนการนี้เองแหละอาจทำให้คนที่ได้รับวัคซีนมีไข้อ่อนๆหรือมีอาการไม่สบายตัว เลยทำให้คนบางคนคิดไปว่า วัคซีนมันไม่ดีต่อร่างกาย
.

   และนี่ก็คือความเชื่อต่างๆที่หลากหลายคนหลากหลายเชื้อชาติมีความเชื่อกันแบบนี้ แล้วเราก็ไม่สามารถไปห้ามไม่ให้เขาเชื่อแบบนั้นได้ เพราะขนาดบางสิ่งบางอย่างนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์มาให้แล้ว ผลงานวิจัยก็มี ภาพถ่ายก็ยังมี แต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อมาโดยตลอด แล้วเพื่อนๆละคะ มีความเชื่อแบบไหนใน 5 เรื่องที่เราได้เอ่ยมา สำหรับวันนี้ EDU HUB  ก็มีเรื่องราวดีๆมาฝากเพื่อนๆเพียงเท่านี้ ก่อนจะไป อย่าลืมกด Like กด Share และกด Like เพจ EDU HUB ด้วยนะคะ