ทำไมเราทนสายตาอ้อนของสุนัขไม่ได้?

“สุนัข” เป็นสัตว์ที่ถูกเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนเป็นที่ดีที่สุดของมนุษย์ เพราะไม่เพียงแต่มีนิสัยซื่อสัตย์ รักเจ้าของแล้ว พวกมันยังมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอีกด้วย ยิ่งพอน้องหมามองหน้าเราด้วยแววตาออดอ้อนทีไร มนุษย์อย่างเราๆ ก็อดใจอ่อนไม่ได้ บางครั้งกว่าจะออกจากบ้านได้แต่ละทีก็ต้องมานั่งอธิบายให้น้องหมาฟังก่อนว่าทำไมเราพามันไปด้วยไม่ได้ หรือพอเราซื้อลูกชิ้นปิ้งหรือไก่ย่างมากิน แค่เจอสายตาของน้องหมาที่นั่งมองอยู่เข้าไป เราก็ต้องยอมยกให้มันกินไปอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่บางทีพอเราโยนให้มันไปแล้ว มันก็ดันไม่กินอีกต่างหาก (เวรกรรม…) 

ประสบการณ์การโดนหมาเมินนี้คาดว่าเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็คงเคยเจอกันมาแล้ว แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยมั้ยว่าไม่ว่าเราจะโดนน้องหมาเมินสักกี่คร้ัง ทำไมมนุษย์เราก็ยังไม่สามารถต้านทานสายตาของน้องหมาได้สักที ทั้งที่สัตว์อื่นๆ อย่างแมว กระต่าย หรือหนูแฮมเตอร์ก็เป็นสัตว์เลี้ยงขนปุกปุยที่น่ารักไม่แพ้กัน แต่ทำไมมนุษย์เราถึงได้ดูใจเหลวเป็นน้ำกับสายตาของน้องหมาเป็นพิเศษ ในสายตาออดอ้อนของสุนัขหรือที่เราเรียกกันว่า Puppy eyes นี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่? เรามาตามไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ก่อนที่สุนัขบ้านจะกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ พวกมันเคยเป็นหมาป่านักล่ามาก่อน แต่พวกมันถูกมนุษย์รับมาเลี้ยงและทำให้เชื่อง โดยสุนัขที่มีคุณสมบัติที่มนุษย์ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็ก สีสวย นิสัยเชื่อง ขี้อ้อน ก็จะถูกมนุษย์อุปถัมภ์และส่งต่อยีนส์ที่มีคุณลักษณะดังกล่าวต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงสุนัขบ้านจึงมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านพฤติกรรมและกายวิภาคที่แตกต่างไปจากหมาป่า ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำไปเพื่อสื่อสารกับมนุษย์โดยเฉพาะ

และเพื่อยืนยันแนวคิดดังกล่าวนี้ ดร.จูลีแอน คามินสกี (Juliane Kaminski) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมจากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธ สหราชอาณาจักร จึงได้ทำการศึกษาและทดลองการแสดงออกทางสีหน้าของสุนัขบ้านและหมาป่าขึ้น 

งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ PNAS (Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America) ในการทดลองแบ่งเป็น 2 หัวข้อคือ 1.) การชันสูตรศพเพื่อศึกษาความแตกต่างระหว่างหมาป่าสีเทากับสุนัขบ้าน และ 2.) การเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวบนใบหน้าของหมาป่าและสุนัขบ้านระหว่างที่ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์

ผลจากการผ่าชันสูตรซากสุนัขบ้านจำนวน 6 ตัวและซากหมาป่าอีกจำนวน 4 ตัวพบว่า กล้ามเนื้อใบหน้าระหว่างสุนัขบ้านกับหมาป่าสีเทานั้นใกล้เคียงกันมาก แตกต่างกันเพียงแค่บริเวณรอบดวงตา โดยสุนัขบ้านได้มีการพัฒนากล้ามเนื้อส่วน LAOM (levator anguli oculi medialis) ขึ้นมา ทำให้สุนัขบ้านสามารถขยับคิ้ว ทำหน้าออดอ้อนได้มากกว่าหมาป่า ซึ่งกล้ามเนื้อส่วนนี้พบในสุนัขบ้านเกือบทุกสายพันธุ์ ยกเว้นพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับหมาป่ามากที่สุด

ในส่วนที่สองของการทดลอง ทีมวิจัยได้มีการถ่ายวิดีโอเพื่อเก็บภาพสีหน้าของน้องหมาแต่ละตัวจากสถานสงเคราะห์ในสหราชอาณาจักรระหว่างที่พวกมันกำลังเล่นกับมนุษย์ รวมทั้งหมด 27 ตัว ตัวละ 2 นาที โดยมนุษย์ที่มาร่วมการทดลองนี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับน้องหมาทั้งหมด กล่าวคือพวกเขาไม่เคยเจอน้องหมาเหล่านี้มาก่อน จึงไม่มีตัวแปรด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง 

ทางด้านหมาป่านั้น ทีมวิจัยก็จะอัดวิดีโอการแสดงสีหน้าของพวกมันเช่นกัน โดยในการทดลองจะใช้หมาป่าจากอุทยาน 2 แห่ง และถ่ายวิดีโอตัวละ 2 นาทีเช่นเดียวกัน แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่า สุนัขบ้านมีการขยับคิ้วให้มนุษย์มากกว่าหมาป่าอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ เมื่อทีมวิจัยได้สัมภาษณ์คนที่เข้าร่วมการทดลองว่าอยากรับเลี้ยงสุนัขตัวไหนมากที่สุด ผลออกมาว่ายิ่งสุนัขขยับคิ้วบ่อยเท่าไหร่ คนที่เล่นด้วยก็ยิ่งอยากรับพวกมันไปเลี้ยงมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากการขยับคิ้วแบบนี้ทำให้ดวงตาของสุนัขดูกลมโตขึ้นเหมือนเด็กทารก อีกทั้งยังดูโศกเศร้าน่าสงสาร และการแสดงออกเหล่านี้ก็ได้ไปกระตุ้นสัญชาตญาณความรู้สึกอยากปกป้องที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ เหมือนเวลาที่เราเห็นเด็กเล็กๆ หรือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าแล้วอยากเข้าไปช่วยเหลือนั่นแหละค่ะ

นี่เป็นสาเหตุให้ลักษณะดังกล่าวของสุนัขบ้านถูกมนุษย์คัดเลือกและส่งต่อยังรุ่นต่อๆ ไป จนสุนัขบ้านเกือบทุกสายพันธุ์มีกล้ามเนื้อพิเศษนี้บริเวณรอบดวงตา ซึ่งคาดว่าน้องหมาทั้งหลายเองก็ต่างรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วว่าถ้าหากยกคิ้ว มนุษย์จะเอ็นดู เพราะจากการวิจัยนี้ยังพบอีกด้วยว่า สุนัขบ้านจะขยับยกคิ้วบ่อยขึ้น ถ้ามันรู้ว่ามนุษย์มองอยู่

สรุปก็คือ สุนัขบ้านมีการพัฒนากล้ามเนื้อรอบดวงตาขึ้นมาเพื่ออ้อนมนุษย์โดยเฉพาะ ทั้งนี้ก็ทำไปเพื่อความอยู่รอดของตัวมันเอง เพราะยิ่งมนุษย์เอ็นดูพวกมันมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีคนมาอุปถัมภ์เลี้ยงดูก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แหม.. เห็นแบ๊วๆ แบบนี้แต่ก็ร้ายไม่เบาเลยใช่มั้ยคะ แต่ถึงจะแอบร้ายหรือเจ้าเล่ห์ยังไง แต่จากความรักเจ้าของและความซื่อสัตย์ของพวกมัน เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์อยู่ดี

แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง พอรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมกลับไปสังเกตการยกคิ้วออดอ้อนของน้องหมาที่บ้านดูนะคะ และถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามช่องและกดกระดิ่งแจ้งเตือนช่อง eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ