ยานลูนาร์พรอสเปกเตอร์พบน้ำบนดวงจันทร์

เรื่องราวการพบน้ำบนดาวดวงต่างๆในระบบสุริยะคาดว่าเพื่อนๆคงเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเจอร่องรอยการเคยมีน้ำมาก่อนบนดาวศุกร์ หรือการค้นพบร่องรอยทะเลสาบในดาวอังคาร ซึ่งการทำนักดาราศาสตร์ได้พบน้ำในดาวต่างๆนี้ มันคือข่าวดี เพราะที่ไหนมีน้ำ ก็มักจะมีสารอินทรีย์ที่อาจก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตได้ และแน่นอนว่า น้ำมันคือต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้น หากเราพบน้ำที่ดาวดวงไหน มนุษย์อย่างพวกเราก็น่าจะไปอาศัยบนดาวดวงนั้นได้ วันนี้พวกเราจะมาอัพเดทข่าวสารให้กับเพื่อนๆได้ฟังว่านอกจากเราจะพบน้ำดาวศุกร์และดาวอังคารแล้ว ยังมีดวงจันทร์ที่พบว่ามีน้ำอยู่ด้วย

ในอดีตนั้นการสำรวจดวงจันทร์เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ยอดฮิตมากๆสำหรับองค์การด้านอวกาศของแต่ละประเทศ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะดวงจันทร์มันคือดาวดวงเดียวที่อยู่ใกล้โลกของเราที่สุดแล้ว การเดินทางก็ไม่นาน ดังนั้นการออกแบบยานอวกาศในสมัยก่อนที่ยังไม่มีเทคโนโลยีในการเก็บกักพลังงาน ก็จะยังไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ไกล นอกจากดวงจันทร์สำหรับยานอวกาศหนึ่งที่มีภารกิจขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์เช่นกัน ชื่อว่ายานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์คือยานในโครงการสำรวจดวงจันทร์ของนาซา ซึ่งนาซ่าทุ่มทุนสร้างถึง 63 ล้านเหรียญสหรัฐ

หน้าที่ของยานลำนี้ในการขึ้นไปสำรวจบนดวงจันทร์นั้นคือการทำแผนที่ขององค์ประกอบ แรงโน้มถ่วงและสนามแม่เหล็ก รวมทั้งสังเกตปรากฎการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบนดวงจันทร์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราจะนำมาวิเคราะห์เพื่อหาต้นกำเนิดบนดวงจันทร์ นอกจากภารกิจนี้ยังมีอีกภารกิจหนึ่งที่ต่อยอดจากการสำรวจของยานเคลเมนไทน์ เพราะว่าก่อนหน้านี้ยานเคลเมนไทน์ได้ไปสำรวจดวงจันทร์และพบน้ำมาก่อน แต่การสำรวจในครั้งนั้นเป็นการสำรวจแค่ 25% ของพื้นผิวดวงจันทร์ ในครั้งนี้จึงส่งยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ไปสำรวจย้ำอีกรอบให้มั่นใจว่าบนดวงจันทร์นั้นมีน้ำจริงหรือไม่ และพื้นที่อื่นๆของดวงจันทร์ มีน้ำอีกหรือเปล่า

ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์เป็นยานขนาดเล็กมีน้ำหนักเพียงแค่ 300 กิโลกรัม ภายในนั้นบรรจุไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่จะใช้วิเคราะห์สิ่งต่างๆบนดวงจันทร์ ไม่ว่าเป็น เครื่องสเปกโตรนิวตรอน เอาไว้ตรวจสอบน้ำ เครื่องสเปกโตรมิเตอร์รังสีแกมมา เอาไว้วิเคราะห์ธาตุต่างๆที่พบบนดวงจันทร์ เครื่องวัดสนามแม่เหล็ก และยังมีเครื่องมืออื่นๆที่ใช้ในการวิเคราะห์งานแต่ละด้านตามภารกิจที่เราได้บอกไปข้างต้น ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ใช้เวลาเดินทางออกจากโลกไปยังดวงจันทร์เป็นระยะเวลา 5 วัน และเมื่อมันไปถึงดวงจันทร์มันจะปรับเส้นทางเข้าสู่วงโคจรเป็นวงกลมในแนวเหนือและใต้ ซึ่งใช้ระยะเวลาโคจรประมาณ 2 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบ การสำรวจนี้จะเกิดขึ้นโดยตัวยานจะห่างจากพื้นผิวดวงจันทร์ประมาณ 99 กิโลเมตรและหากช่วงไหนต้องการสำรวจแบบละเอียดก็จะบินลงต่ำไปถึงประมาณ 10 กิโลเมตร

และนี่เองการสำรวจก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างที่ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์กำลังทำการสำรวจดวงจันทร์อยู่นั้น พบว่าในบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์มีน้ำแข็งผสมอยู่ โดยบริเวณของน้ำแข็งนั้นมีพื้นที่ถึง 5,000 – 50,000 ตารางกิโลเมตร และในขั้นเหนือเองก็เช่นกัน พบว่ามีน้ำแข็งและพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่าขั้วใต้ โดยมีพื้นที่ของบริเวณเหล่านี้ถึง 10,000-50,000 ตารางกิโลเมตร การค้นพบแหล่งน้ำแข็งนี้ถูกจับได้จากเครื่องสเปกโตรมิเตอร์นิวตรอน ซึ่งมันใช้หลักการที่รังสีคอสมิกจะกระทบผิวดวงจันทร์และสะท้อนขึ้นมา แต่ถ้าเจอกับอนุภาคอะตอมอื่นๆที่ไม่ใช่พื้นผิวดวงจันทร์ จะเกิดการสูญเสียพลังงานไป โดยเฉพาะถ้าไปเจออะตอมของไฮโดรเจนหรือโปรตอน ซึ่งมันก็คืออะตอมที่เป็นส่วนประกอบของน้ำนั่นเอง

ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์พบว่าพลังงานของนิวตรอนได้สูญเสียไปตอนสะท้อนกลับมา ข้อมูลเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์จึงได้นำตัวเลขต่างๆไปวิเคราะห์และพบว่าบริเวณนั้นมีไฮโดรเจนเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่มีไฮโดรเจนเป็นจำนวนมากนั่นก็หมายความว่าบริเวณนั้นมีน้ำอยู่นั่นเอง แต่น้ำที่พบบนดวงจันทร์ยังไม่ใช่น้ำในสถานะของเหลว แต่มันเป็นน้ำแข็ง และน้ำแข็งที่พบก็ไม่ได้พบในเชิงที่ว่ามันจะเป็นธารน้ำแข็งหรือทะเลสาบน้ำแข็ง แต่น้ำแข็งที่พบมันเป็นเหมือนน้ำแข็งที่เกิดจากบริเวณพื้นที่ที่ชุ่มน้ำและเกิดความเย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะน้ำแข็งมันแทรกซึมไปกับพื้นดินของดวงจันทร์

แต่ถึงอย่างไรการพบพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นดวงจันทร์แม้ว่ามันจะเป็นน้ำแข็งแต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อโลกของเราเป็นอย่างมาก เพราะถ้าในอนาคตเราย้ายถิ่นฐานไปอาศัยในดวงจันทร์หรือต้องไปตั้งฐานอวกาศบนดวงจันทร์ เราก็สามารถใช้น้ำแข็งที่พบเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนสถานะให้กลายเป็นของเหลว และนำมาใช้ในกิจกรรมต่างๆได้ เพราะจากบริเวณการค้นพบพื้นที่ที่มีน้ำแข็งนั้น หากนำมาเปลี่ยนสถานะให้เป็นของเหลว ก็จะได้น้ำประมาณ 30 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานของมนุษย์ถึง 2,000 คน ในระยะเวลา 100 ปี

เมื่อยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ได้ปฏิบัติหน้าที่และภารกิจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้และเมื่อมันมีพลังงานเชื้อเพลิงหมดก็เข้าสู่กระบวนการปลดระวางยานลำนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้วางโปรแกรมให้มันนั้นพุ่งเข้าชนดวงจันทร์เพื่อเป็นการจบภารกิจและจะไม่มาเป็นขยะอวกาศในภายหลัง ผู้ควบคุมบนพื้นโลกได้ควบคุมยานลำนี้พุ่งทะยานเข้าสู่ดวงจันทร์ด้วยความเร็ว 1,700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งการพุ่งเข้าสู่ดวงจันทร์ครั้งนี้ก่อให้เกิดแรงกระแทกพอๆกับรถยนต์ที่พุ่งเข้าชนกำแพงด้วยความเร็วเท่ากัน เนื่องจากยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากและน้ำหนักก็ไม่ได้เยอะ จึงไม่ได้ก่อความเสียหายอะไรมากให้กับดวงจันทร์

แต่อย่างไรก็ตามการพุ่งเข้าชนจากอวกาศลงสู่ดวงจันทร์ย่อมทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วและนักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ได้จากกล้องโทรทรรศน์บนโลก ซึ่งการพุ่งเข้าชนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ทำให้มันเสียเปล่า เพราะเขาได้คำนวนแล้วว่าการที่ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์จะหมดเชื้อเพลิงและดิ่งลงสู่ดวงจันทร์เป็นเวลาพอดีที่ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์กับโคจรอยู่ในบริเวณของพื้นที่ที่มีน้ำแข็ง และพวกเขาคาดหวังว่าเมื่อตกลงไปในบริเวณนั้นแล้วเครื่องมือในยานจะสามารถตรวจจับวิเคราะห์น้ำแข็งได้อย่างใกล้ชิด

และนี่ก็คือเรื่องราวการสำรวจที่ฮาร์ดคอมากๆสำหรับ ยานลูนาร์พอรสเปกเตอร์ เอาเป็นว่าประโยชน์หนึ่งสิ่งที่เรารู้จากยานลำนี้คือดวงจันทร์มีน้ำอยู่จริง ถึงแม้ว่าน้ำนั้นจะมีสถานะเป็นแข็งแข็ง แต่เชื่อเถอะว่ามนุษย์เรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนสถานะน้ำแข็งเหล่านั้นให้กลายเป็นน้ำในสถานะของเหลวได้ รู้แบบนี้แล้วการที่จะไปสร้างฐานอวกาศในอนาคตบนดวงจันทร์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว แถมยังไม่ต้องมีจรวดคอยส่งน้ำขึ้นไปอีกด้วย เอาละคิดว่าใกล้แล้วที่มนุษย์เรานั้นจะได้ออกไปท่องอวกาศได้ซักที แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้วใช่ไหมละคะ สุดท้ายนี้ก่อนจะไป อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB เพื่อที่เพื่อนๆจะไม่พลาดการรับชมครั้งต่อไป