
การเดินทางไปดวงจันทร์ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมนุษย์เท่าไรนัก มันง่ายจนในอนาคต ดวงจันทร์จะถูกพัฒนาให้กลายเป็นเสมือนเมืองท่า หรือจุดแวะพักของยานอวกาศก่อนที่จะเดินทางไปถึงดาวอังคาร ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันที่มีการสำรวจห้วงอวกาศมาอย่างต่อเนื่อง ดวงจันทร์ถือเป็นดาวดวงหนึ่งที่ฮอทฮิตที่สุด เพราะหลากหลายประเทศได้พัฒนายานอวกาศเพื่อทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าและไปสำรวจที่ดวงจันทร์แห่งนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่า ยานอวกาศเหล่านั้นได้พาสิ่งมีชีวิตบางชนิดไปปล่อยลงบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นที่เรียบร้อย และนี่จะคือจุดเปลี่ยนของระบบนิเวศบนดวงจันทร์หรือไม่ เราก็ต้องมารอลุ้นกัน
ดวงจันทร์เป็นวัตถุทางดาราศาสตร์ที่เป็นดาวบริวารดวงเดียวของโลกที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับที่ 2 รองจากไอโอ ของดาวพฤหัสบดี ดวงจันทร์มีการถือกำเนิดมานานมากแล้วและมันเกิดจากการชนกันของโลกและเทหวัตถุที่เรียกว่า ธีอา ซึ่งบางทฤษฎีเชื่อว่า ดวงจันทร์นั้นก็คือส่วนเสี้ยวหนึ่งของโลกที่หลุดออกมาตอนเกิดการชนกัน ซึ่งบริเวณที่หลุดไปก็คือร่องรอยเป็นแอ่งของมหาสมุทรขนาดใหญ่บนโลกหรือบางทฤษฎีก็บ่งบอกว่า โลกนั้นถือกำเนิดมาพร้อมกับดวงจันทร์ และพร้อมๆกับระบบสุริยะ แต่ที่แน่นอนว่าตั้งแต่ดวงจันทร์ถือกำเนิดขึ้นมาและนักวิทยาศาสตร์หรือนักดาราศาสตร์ได้ไปทำการสำรวจ บริเวณดวงจันทร์ ต่างสามารถฟันธงได้ว่าดวงจันทร์นั้นยังไม่มีสิ่งมีชีวิต

ตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 ที่ตั้งแต่รัสเซียได้นำยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จ ตามมาถึงสหรัฐอเมริกาที่นำนักบินอวกาศไปเหยียบบนพื้นดวงจันทร์ แต่ต่อด้วยการสำรวจมากมายประปลาย การสำรวจเหล่านั้นยังไม่เห็นจะมียานสำรวจตัวไหนที่จะพบสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งเมื่อปี 2019 ประมาณเดือนเมษายน ประเทศอิสราเอลได้พัฒนายานอวกาศเพื่อใช้ในการสำรวจดวงจันทร์ ชื่อว่ายานแบเรซีต โดยมีเป้าหมายเพื่อทำการสำรวจพื้นที่รอบๆดวงจันทร์
แต่ดันเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการลงจอดของยาน เพราะเมื่อยานลงจอดสัญญาณก็ขาดหายไปจนมนุษย์ไม่สามารถสั่งการควบคุมได้จากบนพื้นโลก จึงทำให้ยานนั้นตกกระแทกลงบนพื้นของดาวและเกิดความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ภารกิจนั้นล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง แต่ลำพังการที่ยานอวกาศตกไปในดาวดวงต่างก็เกิดความเสียหายมากพออยู่แล้ว แต่ในส่วนของยานเบเรชีตที่ตกลงไปบนผิวดวงจันทร์นั้นมีวัสดุบางอย่างซึ่งเป็นของมูลนิธิอาร์คมิชชัน ที่คอยพัฒนาสารพันธุกรรมเพื่อเอาไปสำรองไว้ในที่ต่างๆนอกโลก ซึ่งในวัสดุนั้นบรรจุตัวอย่างดีเอนเอมนุษย์ลงไปและยังมีตัวทาร์ดิเกรด (Tardigrade) หรือที่เรารู้จักกันในนามว่าหมีน้ำ

หมีน้ำเป็นสัตว์ที่น่าพิศวงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย อยู่ได้ในที่ร้อน ที่เย็น ที่หนาว ซึ่งนี่เองเป็นลักษณะพิเศษของหมีน้ำหรือทาร์ดิเกรด จึงทำให้มันถูกเลือกที่จะพามาที่ดวงจันทร์กับยานแบเรซีต แต่อย่างที่บอกไปเมื่อภารกิจเกิดการผิดพลาด ระบบลงจอดยานเกิดความเสียหาย ทำให้ยานตกลงไปบนพื้นของดวงจันทร์ และวัสดุต่างๆกระจัดกระจายเต็มไปทั่วพื้นที่ให้วัสดุที่ห่อหุ้มดีเอนเอมนุษย์และห่อหุ้มตัวทาร์ดิเกรดหล่นไป
นั่นก็มายความว่ายานอวกาศลำนี้ได้ปล่อยสิ่งมีชีวิตไปบนดวงจันทร์เป็นที่เรียบร้อย และตัวทาร์ดิเกรดที่ยังไม่ตายแต่ถูกทำให้แห้งไว้ กระบวนการในเซลล์มันจึงหยุดนิ่งแต่เมื่อใดที่มีอากาศชื้น มันก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ความหวังของอิสราเอลคือการที่เค้าคาดหวังว่าอุปกรณ์ทุกอย่างที่ตกลงไปแม้กระทั่งดีเอนเอและเซลล์ของสิ่งมีชีวิตจะยังอยู่ดีเพราะตัวอย่างพันธุกรรมและแผ่นเทปที่เก็บทาร์ดิเกรดแห้งเขาได้เก็บไว้บนบนแผ่นเรซิน

ซึ่งแผ่นเรซินนี้ก็ได้สอดแทรกเข้าไประหว่างแผ่นนิเกิล และแผ่นเรซินนี้เองที่เขาช่วยกันเสริมความแข็งแรงให้แก่แผ่นนิเกิล พอที่จะให้รอดจากการแตกเสียหายโดยแรงกระแทกจากการพุ่งชนของยานไปได้ นอกจากนี้ถ้าความร้อนที่เกิดขึ้นจากการชนไม่มากพอที่จะหลอมละลายแผ่นนิเกิลก็จะทำให้สารพันธุกรรมเหล่านั้นจะยังคงปลอดภัยอยู่และพวกเขายังคิดอีกว่าอนาคตเขาอาจจะไปเก็บกู้ซากของยานสำรวจลำนี้ และเก็บพันธุกรรมและเซลล์นั้นมา
เหตุการณ์ในครั้งนี้เองนั้นส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์บางคนเกิดความกังวลมากว่า แต่เดิมที่เราเคยมีการสำรวจดวงจันทร์มาอยู่ตลอดนั้น เราไม่เคยพบว่าบนดวงจันทร์มีสิ่งชีวิต และถ้าหากค้นพบว่ามันมีสิ่งมีชีวิตนั้น เรื่องราวการค้นพบก็จะเป็นเรื่องใหญ่ในวงการดาราศาสตร์เพราะมันมีความหมายกับมวลมนุษยชาติอย่างมาก เพราะว่ามันจะหมายความว่าสภาพแวดล้อมบนดวงจันทร์นั้นเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต แต่ทว่าการสำรวจนั้นยังไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตเลย

แต่ยานลำนี้กลับเกิดอุบัติเหตุและอาจมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สิ่งมีชีวิตที่ติดมาในยานสำรวจจะหลุดรอดออกมาภายนอก และดำรงชีวิตต่อบนดวงจันทร์ อย่างที่บอกไปว่าทาร์ดิเกรดมันทนต่อสภาพการเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมได้ดีมากๆ มันสามารถอาศัยอยู่ได้ในทุกๆอากาศและมันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทนทานที่สุดในโลก มันจึงอาจจะสามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้อีก และนั่นจะทำให้การสำรวจครั้งต่อไปของนักดาราศาสตร์เกิดความไขว้เขว ว่าสิ่งมีชีวิตที่พบนั้นคือสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมของดวงจันทร์ หรือจะเป็นทาร์ดิเกดที่หลุดไปเมื่อครั้งที่ยานสำรวจตกลงบนดวงจันทร์
แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่มูลนิธิอาร์คมิชชันได้นำสิ่งมีชีวิตติดมากับยานอวกาศของอิสราเอลนั้น พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าไม่มีความผิดทางกฎหมาย เพราะว่าดวงจันทร์ถือว่าเป็นสถานที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ จึงต้องไม่ต้องที่จะกังวลเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์หรือการดัดแปลงพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตดั้งเดิม ดังนั้นการที่สิ่งมีชีวิตจะหลุดออกมาจากยานอวกาศจึงไม่สามารถดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่นำสิ่งมีชีวิตนั้นขึ้นไป

และนี่คือเรื่องราวของการที่สิ่งมีชีวิตติดไปกับยานอวกาศ และหลุดล่วงลงไปยังดวงจันทร์ซึ่งอาจก่อให้เกิดระบบนิเวศใหม่ขึ้นมา ถ้าหากวัสดุที่ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเกิดความเสียหาย และเมื่อระยะเวลาผ่านไปอีกแสนนานสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆนั้นอาจมีวิวัฒนาการกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ขึ้น และอยู่ตามสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ก็เป็นไปได้ เอาเป็นว่าตอนนี้เราต้องมารอลุ้นกันว่าอิสราเอล ประเทศเจ้าของโปรเจคจะมีแนวทางอย่างไรในการไปเก็บกู้ซากยานสำรวจบนดวงจันทร์
หรือว่าอิสราเอลจะปล่อยให้มันอยู่บนนั้นไปตลอดกาล เรื่องราวของทาร์ดิเกรดหรือหมีน้ำที่ติดไปกับยานสำรวจอวกาศก็มีเพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถมาคอมเมนต์บอกพวกเราได้เลยนะคะ สำหรับวันนี้มีเพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะไป อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ