
เราจะมองเห็นดวงจันทร์ได้ใกล้ที่สุดในบรรดาดาวทุกดวงในจักรวาลแห่งนี้ รวมไปถึงดวงจันทร์ยังเป็นดาวเดียวที่มนุษย์เคยได้เป็นเหยียบบนพื้นมัน ไม่นานมานี้เราได้ข่าวมาว่า ดวงจันทร์ของเรากำลังมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ก่อให้เกิดความตกใจให้กับชาวโลกอย่างพวกเรา ดวงจันทร์เล็กลงได้อย่างไร และมันจะเล็กลงไปเรื่อยๆจนสูญหายไปหรือไม่
สำหรับดวงจันทร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นดาวดวงแรกที่เราเกิดมาก็สามารถมองเห็น และก็มีนิทานต่างๆมากมายที่พูดถึงดวงจันทร์ ดวงจันทร์นี้เป็นดาวบริวารดวงเดียวของของโลก มีขนาดเล็กกว่าโลก มีมวลน้อยกว่าโลก และมีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าโลกของเรา นั่นเป็นเพราะว่าโครงสร้างของดวงจันทร์นั้นเป็นของแข็งทั้งหมด ไม่มีสนามแม่เหล็ก ซึ่งการที่มันไม่มีสนามแม่เหล็กและไม่มีแรงโน้มถ่วงนั้น ทำให้มันมักจะโดนอุกกาบาตพุ่งชนอยู่เสมอๆ จนทำให้มันเป็นหลุมเป็นบ่อ และปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงและเศษก้อนกรวดของอุกกาบาตที่ไปชน หลุมบ่อต่างๆที่เกิดขึ้นจากการพุ่งชนที่ดวงจันทร์นั้น เมื่อมองจากโลกไป ทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆตามแต่แต่ละคนจะจินตนาการไป บางคนก็บอกว่ามันมีรูปร่างคล้ายกระต่าย บ้างก็บอกว่ารูปทะเล จนก่อเกิดเป็นเรื่องเล่า และนิทานต่างๆมากมาย

เนื่องจากมันอยู่ใกล้โลกของเรามากๆ และชาวโลกเราเห็นว่าเราน่าจะไปเยี่ยมเยียนและสำรวจบนดวงจันทร์ได้ เมื่อปี พ.ศ. 2502 รัสเซียได้ส่งยานลูน่าสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ ก่อนที่สิบปีถัดไปจะส่งยานอะพอลโล 11 ที่สร้างประวัติศาสตร์โดยการนำมนุษย์อวกาศไปเหยียบบนดวงจันทร์ และสร้างชื่อเสียงให้กับ นีล อาร์มสตรอง มนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ แม้ว่าจะมีดราม่าต่างๆหรือผู้คนที่จับผิดว่าอะพอลโล11 ได้ขึ้นไปดวงจันทร์จริงหรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถมาล้มล้างประวัติศาสตร์นี้ไปได้
การที่อะพอลโล 11 ได้ขึ้นไปเยียบดวงจันทร์นั้น ไม่ได้เพียงพิชิตการลงจอดของยานและนักบินอวกาศอย่างเดียวเพียงเท่านั้น แต่อะพอลโล 11 ยังได้เก็บหินบนดวงจันทร์มาสำรวจ ซึ่งผลการสำรวจพบว่าหินบนดวงจันทร์นั้นมีอายุนานถึง 3-4 พันล้านปี ถ้าเทียบกับโลกแล้ว มีอายุมากกว่าหินบนพื้นโลก ซึ่งก็วิเคราะห์กันไปว่า มันอาจจะเป็นระยะเวลาการเกิดของระบบสุริยะก็เป็นไปได้ ในยุคหลังๆมานี้ก็ยังมีการส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะขึ้นไปสำรวจ หรือโคจรรอบๆ ไปยังมุมมืด ไปยังพื้นผิว มีการพบถ้ำ มีการพบโอโมง เพื่อนำข้อมูลการสำรวจนั้น มาพัฒนาว่าในอนาคต เราอาจใช้ดวงจันทร์เป็นฐาน เพื่อพักยานอวกาศก่อนจะไปยานดาวดวงอื่นๆ

ไม่นานมานี้มีการค้นพบของนาซ่ว่าดวงจันทร์นั้น มีขนาดเล็กลง ซึ่งการที่มันเล็กลงนั้นก็น่าตกใจอยู่แล้ว แต่ผลการวิเคราะห์บ่งบอกว่ามันเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อข่าวออกแล้วชาวมนุษย์อย่างเราก็ตกใจ คิดว่าดวงจันทร์ของเราจะเล็กลงไปเรื่อยๆจนหายไปไหม เพราะเรามีดาวบริวารเพียงดวงเดียว เหตุมันเกิดจากยานอวกาศสำรวจแอลอาร์โอของนาซ่าได้ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ และได้ถ่ายภาพและส่งข้อมูลกลับมายังพื้นโลกของเรา จำนวน 14,000 รูปภาพ และในรูปภาพเหล่านั้น
พบว่ามันเกิดรอยย่นและเกิดการขยับตัวของพื้นผิว ซึ่งพบรอยย่นนี้ในบริเวณ Mare Frigoris หรือที่เรารู้จักกันว่าบริเวณแอ่งน้ำบนดวงจันทร์ ที่มันอยู่ในบริเวณขั้วเหนือของดวงจันทร์ การที่พบว่าเกิดรอยย่นนั้น บ่งบอกบอกว่าดวงจันทร์ได้หดตัวลง ซึ่งการหดตัวนี้เกิดจากการหดตัวจากภายใน เพราะว่าภายในดวงจันทร์นั้นเกิการสูญเสียความร้อนอย่างช้าๆ อย่างที่บอกตอนแรกว่าดวงจันทร์นั้นเป็นของแข็ง ไม่มีพื้นผิวหลายชั้นเหมือนโลกของเรา ดังนั้นเมื่อมันเกิดการสูญเสียความร้อนออกมา จะทำให้ของแข็งนั้นหดตัวลง เมื่อมันหดตัวลงจึงเกิดรอยย่นที่บริเวณพื้นผิวของดวงจันทร์

และการที่มันหดตัวลงแบบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมกันวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลอดเวลาที่มันหดตัวลงนั้นมันใช้ระยะเวลาประมาณร้อยล้านปี คือมันเล็กลงเรื่อยๆแบบนี้มานานแล้ว และร้อยล้านปีที่ผ่านมามันเล็กลงถึง 50 เมตร ซึ่งในอนาคตมันก็จะหดตัวลงเรื่อยๆ และอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นี้เองก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นเพื่อหาข้อมูลมาเพื่อป้องกันการเกิดแผ่นดินไหวต่อดวงจันทร์ ซึ่งมันอาจมีผลกระทบกับโลกของเราด้วย
จากการวิเคราะห์ในครั้งนี้ทำให้เราทราบข้อมูลใหม่ว่า จากเดิมที่เราคิดว่าดวงจันทร์เป็นแค่ดาวหินธรรมดาไม่มีแกนกลาง แต่ตอนนี้ผลการวิเคราะห์และการจำลองสถานการณ์ชั้นพื้นผิวของดวงจันทร์ของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า ดวงจันทร์นั้นมีแกนหลางเป็นเหล็กเหมือนกับโลก และยังพบอีกว่า ร้อยละ 5 – 30 ของส่วนประกอบของชั้นรอยต่อเป็นสถานะของเหลว ซึ่งจากการทดลองการจำลองนี้พบว่า เมื่อทำสภาวะทุกอย่างให้คล้ายดวงจันทร์ และเพิ่มอุณหภูมิที่สูง ทำให้ของเหลวที่บอกไปว่ามีอยู่ ร้อยละ 5 – 30 ของส่วนประกอบนั้นหายไป

ซึ่งจากการที่เราได้ศึกษางานวิจัยที่จำลองดวงจันทร์นี้ รวมกับข่าวที่เราอ่านของนาซ่า ว่าพบการหดตัวของดวงจันทร์ ทำให้เราคาดเดาได้ว่า ดวงจันทร์ อาจมีส่วนประกอบของของเหลวอยู่และมีเกิดเหตุการอะไรก็แล้วแต่ ทำให้ของเหลวนั้นค่อยๆหายไป ทำให้เกิดช่องว่างและดวงจันทร์ก็จะกดลงเรื่อยๆ จะเกิดรอยย่น แต่ยังไงก็ตาม งานวิจัยนี้ก็ยังไม่ตกผลึกมาเป็นทฤษฎี 100 เปอร์เซ็น ดังนั้นเพื่อนๆก็ยังต้องฟังหูไว้หู รับฟังเรื่องราวความรู้ใหม่ๆ บวกกับอย่าเพิ่งทิ้งความรู้เดิมไปไหน ใช้วิจารณญานในการรับชมนะคะ
นี่คือเรื่องราวของดวงจันทร์ของเราที่เล็กลงเรื่อยๆ แต่อย่าตกใจไปเลยค่ะ มันใช้เวลานานมากกว่าจะเล็กจนเราสังเกตเห็นได้ ใช้เวลาเป็นร้อยล้านปี เรียกได้ว่าในช่วงชีวิตเรายังไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากเท่าไร แต่เชื่อว่า นักวิทยาศาสตร์ของเราไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้มันเกิดความเสียหายแน่นอน ยังไงก็ต้องมีคนวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาให้กำลังใจกับนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อโลกของเรากันดีกว่า วันนี้มีเพียงเท่านี้ หากเพื่อนๆถูกใจบทความนี้อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ