ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วหลังเกิดการระบาดของเชื้อโคโรนาหรือโควิด-19 เป็นครั้งแรกในประเทศจีน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และนับวันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ผู้คนทั่วโลกเกิดความตื่นตระหนก แต่ยิ่งเราแตกตื่นกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมหรือ fake news มากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากผู้คนที่อยู่ในสภาวะหวาดกลัวจะพร้อมเชื่อข้อมูลอะไรก็ตามที่ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาคงยังมีหวัง
โดยเราจะเห็นได้จากข้อความลูกโซ่ที่แชร์ต่อๆ กันไปในไลน์หรือเฟสบุ๊ค เช่น กินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างสามารถแก้โควิดได้ การดื่มน้ำร้อนจัดๆ เพื่อฆ่าเชื้อโควิด หรือแม้กระทั่งกลั้วปากด้วยน้ำเกลือเพื่อกำจัดเชื้อโควิดที่ติดค้างอยู่ในลำคอ ซึ่งข่าวเหล่านี้ล้วนเป็นข่าวปลอมที่สร้างขึ้นเพื่อเรียกกระแสจากความหวาดกลัวของผู้คน มิหนำซ้ำการทำตามข่าวลวงบางอย่างยังอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านจึงควรเลือกเสพสื่อเฉพาะจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้นนะคะ
ทั้งนี้ การรอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะในตอนนี้ทั้งหมอ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนกระทรวงต่างๆ ก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาวิธีกำจัดเชื้อไวรัสตัวนี้ให้ได้อย่างถาวรและยั่งยืน ซึ่งล่าสุดนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่า แอนติบอดี้จากลามะอาจเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้เรารอดพ้นจากภาวะวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปก็ได้
ถึงแม้ว่าแอนติบอดี้จากลามะเพิ่งถูกนำมาปรับใช้กับโรคโควิด-19 ที่เพิ่งเริ่มระบาดเมื่อเร็วๆ นี้ แต่อันที่จริงแล้วงานวิจัยชิ้นนี้เริ่มมีมาก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะระบาดเสียอีก โดยเริ่มจากการที่ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแท็กซัสได้นำตัวลามะมาทดลอง ว่าร่างกายของมันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรต่อไวรัสอย่างซาร์และเมอร์ส ซึ่งเป็นไวรัสต้นแบบของโควิด-19 ในทุกวันนี้
เจ้าลามะที่ถูกนำมาทดลองมีชื่อว่า “วินเทอร์” (Winter) เป็นลามะสีดำอายุ 4 ปี ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองฉีดสไปก์โปรตีน (spike protein) จากเชื้อ SARS-CoV-2 เข้าไปในร่างกายของมัน ซึ่งการทดลองนี้มีหลักการคล้ายกับการฉีดวัคซีนให้มนุษย์ ในปี 2016 นั่นแหละค่ะ ดังนั้นสำหรับใครที่เป็นห่วง กลัวว่าเจ้าวินเทอร์จะเป็นอันตรายจากการทดลองนี้ล่ะก็ ไม่ต้องกังลไปนะคะ
เมื่อร่างกายของเจ้าวินเทอร์ได้รับไวรัสเข้าไปแล้ว พบว่าร่างกายของมันได้สร้างแอนติบอดี้ชื่อ VHH-72 ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับไวรัส ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ทีมนักวิทยาศาสตร์เกิดความสนใจและเริ่มทดลองเรื่องแอนติบอดี้ชนิดนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ
น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว แอนติบอดี้ VHH-72 ไม่สามารถทำลายไวรัสได้อย่างสมบูรณ์ แต่แค่เพียงทำให้การเกาะตัวของเซลล์ไวรัสลดลงเท่านั้น ถึงกระนั้นแอนติบอดี้ตัวนี้ก็ยังถือเป็นความหวังใหม่ในการรับมือกับไวรัส ดังนั้นเมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขึ้น แอนติบอดี้ของเจ้าวินเทอร์จึงได้ออกโรงและนำไปทดลองกับไวรัสโควิด-19 ในทันที
เมื่อศึกษาเพิ่มเติม ทีมนักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ เมื่อนักวิทยาศาสตร์รวมแอนติบอดี้ VHH-72 สองตัวบวกกับแอนติบอดี้อีกชนิดที่เติมลงไป แอนติบอดี้ชนิดใหม่นี้ก็จะเข้าไปขัดขวางโปรตีนของไวรัส จนในที่สุดก็สามารถหยุดไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้! ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในแอนติบอดี้ตัวแรกๆ ที่สามารถต่อต้านไวรัส SARS-CoV-2 ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการทดลองขั้นแรกเท่านั้น เพราะถึงแม้เราจะรู้ว่าลามะอย่างเจ้าวินเทอร์มีแอนติบอดี้ที่สามารถต้านทานไวรัสโควิด-19 ได้ แต่แอนติบอดี้ดังกล่าวก็ยังไม่สามารถนำมาใช้กับมนุษย์ได้โดยตรง ดังนั้นทีมนักวิทยาศาสตร์จึงต้องศึกษาหาทางประยุกต์ใช้แอนติบอดี้ชนิดใหม่นี้ต่อไป ไม่แน่ว่าบางทีแอนติบอดี้ตัวนี้อาจจะเป็นกุญแจไปสู่การเอาชนะวิกฤตการณ์โควิด-19 อย่างสมบูรณ์ในอนาคตก็ได้
น่าเหลือเชื่อใช่มั้ยคะที่เจ้าลามะขนปุกปุยอย่างเจ้าวินเทอร์อาจกลายเป็นฮีโร่กู้วิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ก็ได้ ดังนั้นเราจึงควรต้องขอบคุณทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อพวกเราทุกคน รวมถึงเจ้าวินเทอร์ ลามะเจ้าของแอนติบอดี้ VHH-72 ด้วย แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง คิดว่าในอนาคตแอนติบอดี้จากลามะจะสามารถพัฒนาจนนำมาใช้กับมนุษย์ได้จริงหรือไม่ แล้วในอนาคตจะมีการวิจัยแอนติบอดี้จากสัตว์ชนิดอื่นนอกจากลามะอีกบ้างรึเปล่า สุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกคนด้วยนะคะ และสำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ