ก่อนที่มนุษย์เราจะเริ่มประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้ มนุษย์ก็เริ่มบันทึกเรื่องราวที่ตนเองไปพบเจอมาด้วยการวาดออกมาเป็นรูปภาพก่อน อย่างที่เราเห็นได้ตามฝาผนังถ้ำที่มนุษย์ยุคหินเคยอยู่ หรือแม้กระทั่งการใช้ตัวอักษรภาพไฮโรกริฟฟิคของชาวอียิปต์ที่สื่อถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์
.
แต่ในจำนวนภาพวาดโบราณมากมายนั้น มีอยู่ลายเส้นหนึ่งที่โดดเด่นกว่าอักษรภาพทั่วไป เพราะมันขนาดใหญ่โตมโหฬารเทียบเท่ากับภูเขาลูกหนึ่งเลยทีเดียว มันจึงน่าแปลกว่าผู้วาดจะวาดภาพนี้ให้ใหญ่โตขนาดนั้นทำไม แล้วภาพพวกนี้มันมีความหมายอะไรกันแน่?
.
ภาพวาดขนาดยักษ์ที่เราเห็นกันอยู่นี้มีชื่อว่า “ลายเส้นนาซก้า” (Nazca Lines) ตั้งชื่อตามชนเผ่าที่วาดภาพนี้ขึ้นมา นั่นคือชาวนาซก้าที่อาศัยอยู่ในบริเวณทะเลทรายนาซก้า ที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองนาซก้ากับเมืองปัลปา ประเทศเปรู มาตั้งแต่ก่อนยุคอาณาจักรอินคาเสียอีก โดยวิธีการวาดก็แค่เกลี่ยหน้าดินไปข้างๆ ไม่ต้องขุด ไม่ต้องเจาะ เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งของเมืองนี้ทำให้ภาพวาดติดคงทนอยู่บนหน้าดินได้ไม่โดนน้ำฝนชะล้างไปหมด
.
ซึ่งภาพวาดเหล่านี้ก็มีอยู่หลายแบบ ทั้งแบบที่เป็นรูปทรงเลขาคณิตง่ายๆ อย่างสี่เหลี่ยมหรือวงกลมซ้อนๆ กัน แบบที่เป็นรูปธรรมชาติ อย่างต้นไม้ ปลา นก หรือสัตว์อื่นๆ (หนึ่งในนั้นมีรูปที่ดูคล้ายแมวด้วย ไม่รู้ว่าคนวาดเป็นทาสแมวหรือพยายามจะวาดเสือแต่ออกมาเป็นแมวกันแน่) นอกจากสัตว์ทั้งหลายที่กล่าวมานี้ ในภาพวาดทั้งหมดกว่า 300 รูปยังมีภาพวาดของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์รวมอยู่ด้วย
.
ภาพแต่ละภาพก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร โดยภาพที่ใหญ่ที่สุดวัดความยาวได้มากถึง 200 เมตร กินพื้นที่ไปทั้งหมดไปมากกว่า 80 กิโลเมตร และเมื่อตรวจสอบความเก่าแก่ของภาพดูก็พบว่ารูปทั้งหมดนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ถ้าจะให้นับย้อนกลับไปก็คาดว่ารูปเหล่านี้น่าจะถูกวาดช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงปีค.ศ.500 ทำให้ภาพเหล่านี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมากและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1994
.
แต่ถึงแม้ภาพเหล่านี้จะได้รับการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามที่คาใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรูปวาดพวกนี้ ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าชาวนาซก้ามีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ อย่างพวกดิน น้ำ ลม ไฟ หรือแม้กระทั่งเรื่องโลกหลังความตาย จึงเป็นไปได้ว่ารูปเหล่านี้อาจถูกวาดเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาบางอย่าง
.
หรือไม่ก็อาจจะเขียนบอกเล่าเรื่องเส้นทางการไหลของน้ำ บ่งบอกตำแหน่งของแหล่งน้ำใต้ดิน หรือเขียนแทนระบบดวงดาวบนท้องฟ้า เพราะถึงแม้ชาวนาซก้าจะเป็นชนพื้นเมืองโบราณในสายตาของพวกเรา แต่สำหรับคนในยุคนั้นต้องบอกเลยว่าชาวนาซก้านี่นำเทรนด์สุดๆ เพราะพวกเขาสามารถเรียนรู้เรื่องการทดน้ำและระบายน้ำ รวมถึงน่าจะมีการทำปฏิทินทางดาราศาสตร์ได้แล้วด้วย ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำมากๆ
.
นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือรูปวาดนี้อาจไม่ได้ใช้เพื่อสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันเองนะ เพราะถ้าหากเราต้องการจดบันทึกเรื่องแหล่งน้ำหรือทำปฏิทินจริงๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องวาดภาพให้มันใหญ่โตขนาดนั้นเลย ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่าบางทีชาวนาซก้าอาจจะพยายามสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนท้องฟ้า หรือก็คือ “มนุษย์ต่างดาว” นั่นเอง พวกเขาเลยจำเป็นต้องวาดรูปให้มันใหญ่ๆ พอมองลงมาจากที่ไกลๆ จะได้มองเห็น
.
แต่สุดท้ายแล้วเรื่องข้อความถึงมนุษย์ต่างดาวนี่จะเป็นเรื่องจริงมั้ย เพื่อนๆ ก็ต้องลองใช้วิจารณญาณกันเอาเองนะคะ และถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดไลก์และติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ
.
สนับสนุนโดย chatBEE แอพที่คนเหงาเค้าโหลดกัน ค้นหาคนรู้ใจใกล้คุณ ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง IOS และ Andriod