ในโลกของเรานั้น ธรรมชาติได้สร้างภูเขา แม่น้ำ ทะเล หรือสิ่งต่างๆมากมายเพื่อแบ่งเขตแดนแต่ละเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเมื่อเกิดโรคระบาดหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเหล่านั้นก็จะเป็นตัวสะกัดกั้นสิ่งร้ายๆต่างๆเหล่านั้นให้แต่ละเผ่าพันธุ์ยังคงปลอดภัยในดินแดนของตนเอง แต่ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีและวิวัฒนาการของมนุษย์ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายให้มนุษย์นั้นสามารถเดินทางข้ามดินแดนได้อย่างสะดวก จึงยากที่จะปิดกั้นเขตแดนของแต่ละที่
และแน่นอนว่าเมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นมา เชื้อโรคต่างๆเหล่านั้นก็ได้แพร่ระบาดไปพร้อมกับการเดินทางไปย่างรวดเร็ว ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันโลกของเรามีโรคระบาดรุนแรงมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งถ้ารวมกับการระบาดของเชื้อ COVID-19 ในครั้งนี้ก็รวมเป็น 4 ครั้ง ซึ่งถ้านับตามปีที่เกิดเหตุนั้น เราก็จะพบว่าแต่ละครั้งที่มีการระบาดมันจะห่างกัน 100 ปี และนี่จะเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติอย่างที่หลายคนได้บอกไว้หรือไม่ หรือว่านี่ คือช่องว่างของความสะดวกสบายและการปล่อยปะละเลยของมนุษย์
ในปัจจุบันโลกของเรานั้นเจอกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 100 ปี มีคนติดเชื้อจำนวนมากทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรายวัน ไร้หนทางที่จะป้องกันและยับยั้งเนื่องจากการระบาดครั้งนี้มาจากเชื้อไวรัส
ที่มีขนาดเล็กและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในอากาศได้นาน จนทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนได้ง่ายมากๆ
แต่ไม่ใช่ว่าโลกของเรานั้นจะไม่เคยพบเจอและเผชิญสถานการณ์การเกิดโรคระบาดแบบนี้มาก่อน เพราะว่าในอดีต โลกของเราก็เคยเจอเหตุการณ์โรคระบาดเช่นเดียวกันนี้มาแล้ว และน่าแปลกประหลาดตรงช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดในแต่ละครั้ง เพราะมันจะห่างกัน 100 ปี บางคนก็บอกว่ามันคือการคัดเลือกจากธรรมชาติที่จะคัดสรรเฉพาะมนุษย์ที่แข็งแรงจึงจะสามารถดำรงชีวิตต่อไปยังโลกใบนี้ได้ การเกิดโรคระบาดครั้งนี้ คือเสียงเตือนจากธรรมชาติหรือไม่ และในอดีตนั้นเราเคยเจอโรคอะไรกันบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ
การระบาดของกาฬโรคในปี พ.ศ. 2263 ถ้าเทียบกับประวัติศาสตร์ไทย ในช่วงปี พ.ศ.2263 ก็คืออยู่ในช่วงกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย ซึ่งปกครองโดยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ในช่วงนั้นเองการระบาดของกาฬโรคนั้นเกิดขึ้นที่ทวีปยุโรป ซึ่งมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้เยอะมากๆ ซึ่งกาฬโรคนี้เองเกิดจากเอนโทรแบคทีเรียที่ชื่อว่า Yersinia pestis ซึ่งอยู่ในสัตว์และหมัด และมันได้แพร่เชื้อโรคเข้าสู่มนุษย์ ซึ่งการระบาดในครั้งนั้นระบาดผ่านการแพร่กระจายเชื้อในอากาศ ในสิ่งของ ในอาหาร และการสัมผัสโดยตรง ในการระบาดที่เป็นวงกว้างในยุโรปนั้นเชื่อกันว่ามีต้นตอการระบาดมาจากประเทศอินเดียและจีน ซึ่งคาดว่าพ่อค้าชาวจีนและมองโกลเป็นพานะนำโรค กาฬโรคในปี พ.ศ.2263 นั้น มีคนเสียชีวิตถึง 25 ล้านคน
การระบาดของอหิวาตกโรคในปี พ.ศ. 2363 100 ปีถัดมาจากการระบาดของกาฬโรค โลกของเราเกิดการระบาดครั้งใหญ่อีกครั้ง นั่นคืออหิวาตกโรค อหิวาตกโรคหรือโรคห่า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Vibrio cholerae โดยผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วง ขาดน้ำ การระบาดครั้งนี้เกิดจากการดื่มน้ำและกินอาหารที่ปนเปื้อนกับอุจจาระซึ่งประเทศไทยของเราในสมัยนั้นอยู่ในยุคก ารปกครองของพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในตอนนั้นเกิดการระบาดของอหิวาตกโรคในประเทศไทยทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30,000 คน จนวัดแต่ละวัดไม่สามารถเผาศพได้ทัน ศพจึงถูกวางๆทับๆกองกัน จนแร้งเข้ามากิน ซึ่งในตอนนั้นไทยมีการทำพระราชพิธีอาพาธพินาศเพื่อปัดรังควานในประเทศและเรียกขวัญกำลังใจให้กับราษฎร อหิวาตกโรคเชื่อกันว่ามีการระบาดมาจากทางฝั่งยุโรป ในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสโดยแพร่ระบาดมายังรัสเซีย และทวีปเอเชีย
การระบาดต่อมาคือไข้หวัดใหญ่สเปน พ.ศ.2463 ไข้หวัดใหญ่สเปนหรือที่เรียกว่า Spanish Flu เกิดจากเชื้อไวรัส H1N1 คล้ายกับที่เกิดในไข้หวัดนก ซึ่งติดต่อจากสัตว์สู่คน และต่อมาก็แพร่ระบาดจากคนสู่คนไข้หวัดใหญ่สเปนเกิดขึ้นในช่วงสมัยรัชการที่ 6 ซึ่งในช่วงนั้นเองตรงกับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และโรคนี้ก็มีต้นเหตุการระบาดมาจากทหารอเมริกันนั่นเอง
จากการทำสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกเดินทาง และขนกองทัพเคลื่อนย้ายกำลังพลกันเป็นจำนวนมาก การเคลื่อนย้ายกำลังพลแบบนั้นก่อให้โรคเกิดการระบาดไปทั่ว จากชื่อไข้หวัดในครั้งนี้คือไข้หวัดใหญ่สเปน แต่จริงๆแล้วต้นกำเนิดเชื้อไวรัสตัวนี้ไม่ได้มาจากสเปน แต่เป็นเพราะว่าช่วงที่เกิดสงคราม ข้อมูลแต่ละประเทศถูกปกปิดเป็นความลับ แน่นอนว่าข้อมูลของการระบาดของโรคก็ถูกปกปิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้นประเทศเดียวที่เปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดในครั้งนี้คือสเปน ซึ่งไม่ใช่ประเทศต้นตอของการระบาด จึงทำให้ทั่วโลกเข้าใจผิดและเรียกโรคนี้ว่าไข้หวัดใหญ่สเปน ไข้หวัดใหญ่สเปนในครั้งนั้นทำให้มีผู้คนเสียชีวิตถึง 50 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนคนเสียชีวิตในสงครามเสียอีก นี่เป็นอีกโรคระบาดที่ในช่วงแรกที่แต่ละประเทศมีการปกปิดจนกระทั่งการระบาดขยายวงกว้างและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล และทุกคนหวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จนกระทั่ง 100 ปีต่อมา โคโรนาไวรัสได้มาเยือนอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งนั่นเองคือก่อกำเนิดการแพร่เชื้อครั้งล่าสุดที่ทั่วโลกรับมือแทบไม่ทัน
การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 แน่นอนว่าในตอนนี้โลกของเราเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่ได้เปลี่ยนเพราะเกิดภัยธรรมชาติหรือแผ่นดินไหวจนเปลือกโลกเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด แต่ตอนนี้โลกของเรากำลังพบกับโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดมาจากประเทศจีน จนขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆจากทวีปเอเชีย มายังทวีปยุโรป ออสเตรเลียและอเมริกา ในช่วงแรกประชากรโลกยังไม่ตื่นตัวมากนักเพราะโรคนี้แพร่ระบาดอยู่แค่ในประเทศจีน
แต่ในตอนนั้นทุกคนลืมไปว่า การคมนาคมของโลกเราสะดวกและรวดเร็ว ดังนั้นการหลั่งไหลของประชากรและเชื้อโรคจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่นๆจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆ และไม่กี่อาทิตย์ถัดมา COVID-19 ได้แพร่กระจายทั่วโลกไม่เว้นประเทศไทย ประเทศไทยที่ในช่วงแรกยังไม่ตื่นเต้นเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังน้อยและผู้เสียชีวิตยังเป็น 0 แต่เมื่อเชื้อนั้นถูกฟักตัวและแทรกซึมในประเทศไทย ก็ถึงวันที่มันแสดงอาการออกมาและเกิดยอดผู้ติดเชื้อถึงหลักพัน ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่กำลังพบวิกฤตในครั้งนี้ เพราะยังมี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ซึ่งถ้าเพื่อนคิดว่าฝั่งเอเชียเราเจอการระบาดหนักแล้วละก็ คิดผิดเลยค่ะ
ฝั่งยุโรปที่ในช่วงแรกเหมือนจะยังไม่มีการระบาดอะไรเพราะเชื้อยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อมันแสดงอาการและแพร่ระบาดไปในวงกว้างแล้วทวีปยุโรปโดยเฉพาะอิตาลีจึงมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าโรคนี้จะหายไป และยังมองไม่เห็นหนทางว่าทำอย่างไรจะหยุดยั้งโรคร้ายนี้ไปได้ อเมริกาชาติมหาอำนาจที่ตอนแรกนั้นหลายคนไม่คิดว่าจะมีการติดเชื้อเพราะเนื้อจากเป็นทวีปที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ ไม่ใช่แผ่นดินใหญ่อย่างเอเชียและยุโรป แต่ที่ไหนได้ล่าสุดยอดจำนวนผู้ติดเชื้อแซงหน้าประเทศจีนขึ้นมาแล้ว
ประชากรโลกในตอนนี้อยู่ในภาวะหวาดกลัวและหวาดระแวง เราระแวงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง เราระแวงคนรู้จัก และเรายอมที่จะไม่ออกจากบ้านเพื่อป้องกันตัวเองจากโรคร้ายนี้ หลายเมืองในหลายประเทศเป็นเมืองร้าง เกิดการชัตดาวน์ ข้าวของแพงขึ้น มีคนกักตุนสินค้า หรือว่านี่จะคือสงครามอีกสงครามหนึ่งที่โลกกำลังเผชิญ และการเผชิญหน้ากับโรคระบาดในครั้งนี้โลกของเราจะสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่ และประเทศไทยของเราจะรอดพ้นต่อวิกฤตการณ์ในครั้งนี้หรือไม่ เรามาช่วยเอาใจลุ้นกัน
แต่สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือการดูแลสุขภาพของเราให้ดี และลดการพบปะกับผู้คนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะรับเชื้อจากภายนอก และอย่าลืมใส่หน้ากากป้องกันรวมถึงล้างมือบ่อยๆด้วยนะคะ เชื่อว่าถ้าทุกคนทำตามที่ทางการสาธารณสุขแนะนำ ประเทศของเราและโลกของเราจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน
และนี่คือ 4 โรคร้ายที่เกิดขึ้นทุกๆ 100 ปี มันคือความบังเอิญหรือโชคชะตาที่ทำให้โลกของเรานั้นต้องเผชิญ ซึ่งนี่อาจเป็นการคัดสรรผู้ที่อยู่รอด ตามวิวัฒนาการที่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์รองรับก็เป็นไปได้ เราจะอยู่รอดในการคัดสรรของโลกใบนี้หรือไม่ หรือว่าเราจะตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายครั้งนี้ ขอให้เพื่อนๆทุกคนดูแลตัวเองให้ปลอดภัย และพบกันใหม่ในบทความหน้า สำหรับวันนี้อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ