มนุษย์ต่างดาว หรือ UFO เป็นสิ่งลี้ลับที่เราได้ยินมาอย่างยาวนาน เเต่ก็ไม่เคยมีภาพปรากฏออกมาให้เห็นชัดเจน ทางรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ก็ปกปิดข้อมูลเหล่านี้ไว้ ไม่เผยเเพร่ต่อสาธารณะชน เเม้ว่าจะมีพยานบุคคลเห็นความ หรือหลักฐาน ผิดปกติที่เกิดขึ้น เเต่ทางรัฐบาลก็มักจะทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มีความลับปกปิดไว้มากมาย
ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942 เวลา ประมาณ 02.25 น. ลอสเองเจลิสถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ชาวเมืองกว่า 3 ล้านคนได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงไซเรนที่ดังกึกก้องยาวนานถึง 38 นาที พร้อมการประกาศว่า ลอสเเองเจลิสกำลังถูกโจมตีทางอากาศ
สปอตไลท์หลายดวงจากปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานกำลังสาดส่องหาเป้าหมาย อากาศยานที่บุกรุกอยู่เหนือภูเขาซานตาโมนิกาปืนใหญ่ต่อต้านอากศยานได้ระดมยิงขึ้นท้องฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าไม่มีการยิงโต้ตอบจากอากาศยานปริศนาเลยแม้แต่นัดเดียวสิ่งที่น่าปละหลาดใจมากกว่านั้นคือกระสุนปืนใหญ่ที่ถล่มยิงไปทั้งหมดนั้น ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ แก่ยานลำนั้นได้เลย
สะเก็ตของกระสุนปืนได้ตกลงมาบนพื้นดินบริเวณกว้างทำลายบ้านเรือนเสียหายหลายร้อยหลัง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน เพราะถูกสะเก็ตกระสุนปืนใหญ่ 3 คน และหัวใจวายอีก 3 คน จากคำพูดของผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก บอกว่าภาพอากาศยานที่สปอตไลท์จับไว้ได้นั้นไม่ใช่เครื่องบิน แต่มีรูปทรงกลมและเรืองแสงซึ่งไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน ที่น่าประหลาดใจคือกระสุนปืนใหญ่ที่ระดมยิงใส่อากาศยานปริศนาอย่างไม่หยุดนั้น ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ต่อมาหน่วยบัญชาการกองทัพด้านตะวันตกได้ออกมาแถลงยืนยันว่า ปฏิบัติการระดมยิงที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงดึกนั้นเกิดจากการพบวัตถุการบินไม่ทราบชนิด และศูนย์บัญชาการทหารในซานฟรานซิสโกก็ได้ยืนยันว่าพวกเขาก็พบอากาศยานลำดังกล่าวเช่นกัน
แต่แล้วก็เกิดการขัดแย้งกันของการให้ข้อมูลเมื่อกองทัพเรือที่วอชิงตันแถลงตรงกันข้ามว่าเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการโจมตีทางอากาศที่ผิดพลาด ต้องขออภัยที่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างไรก็ตามได้ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกควรย้ายโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณแนวชายฝั่งเข้าไปอยู่ด้านใน เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากเรือดำและเครื่องบินทิ้งระเบิดจากญี่ปุ่น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ขณะที่หน่วยทหารในพื้นที่ยืนยันว่ามีอากาศยานปริศนาบุกรุกจริง แต่ทำไมทางกองทัพเรือวอชิงตันจึงปฏิเสธถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ? ทั้งที่มีพยานหลักฐานและพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงหลักฐานสำคัญอย่างภาพถ่ายที่เผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1942เป็นภาพที่เห็นแสดงให้เห็นว่าสปอตไลท์ จำนวน8ดวงได้ส่องไปยังอากาศยานรูปทรงกลมไว้ได้และยังเห็นกระสุนปืนใหญ่จํานวนมากกำลังระดมยิงไปที่ ยานอีกด้วย
จากเหตุการณ์ปริศนาดังกล่าว ยังคงความเคลืบเเคลงใจต่อใครหลายๆ คน ทำให้ล่าสุดเมื่อปี 2018 นักวิจัยยูเอฟโอได้ทำการสืบค้นเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเดินทางไปหาพยานบุคคลที่อยู่ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น
และก็พบบุคคลที่น่าเชื่อถือ 2 คน ที่สามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในคืนวันนั้น คนแรกคือ “เคธี” ศิลปินนักตกแต่งภายใน ซึ่งทำงานร่วมกับฮอลลีวูดมานาน เธอเล่าว่าขณะยังเด็กเธออาศัยอยู่ทางตะวันตกของลอสแองเจลิสไม่ไกลจากซานตาโมนิกานัก ขณะนั้นเธอเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยทางอากาศเหมือนคนอื่นๆ ในตอนเช้ามืดเธอได้รับโทรศัพท์จากผู้บังคับหน่วยป้องกันภัยทางอากาศประจำพื้นที่ถามว่าเห็นวัตถุบินใกล้ ๆ บ้านหรือไม่ เคธีรีบเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป ซึ่งเธอก็พบเห็นยานปริศนาลำดังกล่าวจริง ๆ
คนที่สองคือ “ศาสตร์จารย์ สก็อตต์ ลิดเดิลตัน” ผู้ที่เคยเขียนบันทึกเหตุการณ์นี้ โดยเขาได้เล่าว่า ขณะที่เขาอายุ 8 ขวบ
ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่บริเวณหาดเฮอร์โมซา เมื่อเสียงไซเรนดังขึ้นพ่อของเขาก็ออกไปทำหน้าที่ร่วมกับทางการ ส่วนเขาและแม่อยู่ที่บ้านและได้เห็นวัตถุเรืองแสง ซึ่งสปอตไลท์ทั้งเป็น 8ดวงของหน่วยปืนใหญ่ได้ส่องไปที่วัตถุนั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายานแปลกกละหลาดนั้นกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ เหนือทะเลจากตะวันตกเฉียงเหนือไปยังตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งหน้าเข้ามายังแผ่นดินเหนือหาดริดันโด หลังจากนั้นก็หายลับไปที่บริเวณภูเขาพาลอสเวอร์เดสลิตเติลตันเล่าต่อว่า เขาไม่แน่ใจว่าจะบอกลักษณะยานได้ถูกต้องนัก ยานที่เห็นมีขนาดเล็กเรืองแสงรูปทรงของยานคล้ายกับขนมเปียกปูนมีแสงไฟหนึ่ง
ดวงและที่เขาเห็นก็มีเพียงลำเดียวเท่านั้น ซึ่งคำบอกเล่าของเขาแตกต่างจากรายงานของคนอื่นที่บอกว่ามีหลายลำ
แต่ที่สำคัญเขายืนยันด้วยความมั่นใจด้วยว่าวัตถุประหลาดนั้นคือ ยูเอฟโอ (UFO) อย่างแน่นอน
นอกจากพยานบุคลแล้ว นักวิจัยยังค้นเจอเอกสารสำคัญสองฉบับ เอกสารฉบับแรกเป็นของประธานาธิบดี “แฟรงกลิน ดี รูสเวลต์” รูสเวลต์ได้ส่งจดหมายลับสุดยอดถึงประธานเสนาธิการทหาร “นายพลจอร์จซีมาร์แชล” หลังจากเหตุการณ์การรบทางอากาศที่ลอสแองเจลลิสเกิดขึ้นได้เพียงสองวัน คือจดหมายฉบับนี้ถูกส่งไปในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1942 มีใจความว่า
เขาได้พิจารณากำหนดให้กองทัพได้ครอบครองวัตถุที่มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาอาวุธพิเศษ และตกลงที่จะไม่แบ่งปันข้อมูลให้กับพันธมิตรหรือสหภาพโซเวียต การตัดสินใจครั้งนี้ได้ปรึกษา ดร.บุชและนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ เรื่องการหาหนทางใช้ “ความลับอะตอมมิค” ในทางปฏิบัติโดยศึกษาจาก “เครื่องประดิษฐ์จากท้องฟ้า” เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ได้สั่งให้ ดร.บุช ดำเนินโครงการโดยเร็วที่สุด รูสเวลต์ย้ำว่าข้อมูลนี้มีความสำคัญระดับสุดยอดต่อความเหนือกว่าของชาติและต้องเป็นความลับของชาติด้วย
เอกสารฉบับที่สองเป็นของ “นายพลจอร์จ ซี มาร์แซล” นายพลได้ตอบจดหมายลับสุดยอดถึงประธานาธิบดีรูสเวลต์ในวันที่ 5 มีนาคม 1942 โดยหัวจดหมายมีข้อความว่า “หน่วยปรากฏการณ์ระหว่างดวงดาว” ใจความของจดหมายฉบับนี้ระบุว่ากองทัพอากาศได้พบวัตถุบินที่คล้ายกันที่ภูเขาซานเบอร์นาร์ดในทางตะวันออกของลอสแองเจลิสด้วย และอากาศยานลึกลับนี้ไม่ใช่วิทยาการของโลกเราอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่ามันน่าจะมาจากดาวอื่นที่อยู่นอกโลก เรื่องนี้กำลังชวนให้ติดตาม เพราะนักวิจัยยเอฟโอตีความข้อความในหนังสือทั้งสองฉบับนั้นว่าเป็นผลมาจากการปรากฏตัวของอากาศยานลึกลับเมือรุ่งสางของวันที่ 25 มกราคม 1942 และน่าจะเป็นสิ่งเดียวกันกับ “เครื่องประดิษฐ์จากท้องฟ้า” ของประธานาธิบดีรสเวลต์ และเมื่อปะติดปะต่อกับเหตุการณ์จานบินตกที่รอสเวลล์ในปี 1947 แล้วดูเหมือนว่ามันจะคล้องจองกัน
เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงไม่มีใครที่ทราบข้อเท็จจริง ว่าสรุปเเล้วยานลึกลับนั้น คืออะไรกันเเน่ เพราะทางรัฐบาลของสหรัฐก็ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลหรือพูดถึงเเต่อย่างใด มีเพียงผู้คนบางกลุ่มที่ยังคอยขุดคุ้ย ค้นหาความจริง ภาพที่ออกมาวันนั้นอาจจะเป็น UFO จริง หรืออาจะเป็นเพียงการเข้าใจผิดครั้งใหญ่ก็เป็นได้
ถ้าใครชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะ