เพื่อนๆ ที่เป็นแฟน eduHUB คนไหนชอบไปดำน้ำ ดูปะการังสวยๆ กันบ้างมั้ยคะ คนที่เคยไปก็คงจะได้เห็นปะการังสีสวยๆ ขยายตัวงอกยาวไปบนพื้นใต้ทะเล แต่มีปะการังแห่งหนึ่งที่งอกสวนกระแส แทนที่จะงอกไปในแนวยาว มันกลับงอกขึ้นไปเป็นแนวตั้งซะอย่างนั้น!? แถมความสูงของมันยังมากกว่าตึกระฟ้าที่อยู่บนบกอีกด้วย! แต่เจ้าหอคอยปะการังที่ว่านี้มันตั้งอยู่ที่ไหนก็ตามมาดูไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ
.
“หอคอยปะการัง” หรือที่เราเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Coral tower” ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือตรงสุดเขตแนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ในทะเลคอรัล นอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งแนวปะการังนี้เป็นแนวปะการังที่มีความยาวมากที่สุดในโลก โดยมีความยาวขั้นต่ำอยู่ที่ 2,000 กิโลเมตร มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในนั้นมากมายหลากหลาย ทั้งปลาที่มีมากถึง 1,500 ชนิดพันธุ์ และปะการังแบบแข็งชนิดต่างๆ อีกอย่างน้อย 411 ชนิด
.
ส่วนหอคอยปะการังนี้ถูกค้นพบโดยทีมนักวิจัยของสถาบันมหาสมุทรชมิดต์ (Schmidt Ocean Institute – SOI) ในตอนนั้นพวกเขาได้ส่งหุ่นยนต์สำรวจลงไปใต้น้ำ เพื่อเก็บภาพมาทำแผนที่สามมิติ แล้วพวกเขาก็ได้บังเอิญพบกับหอคอยปะการังสูงลิบลิ่วอันนี้เข้า
.
เมื่อทีมงานลองตรวจสอบความสูงของมันดูก็พบว่า หอคอยนี้มีความสูงมากถึง 500 เมตร และมีฐานที่กว้างถึง 1.5 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าสูงกว่าตึกระฟ้าหลายแห่งบนโลกเสียอีก เพราะขนาดตึกเอ็มไพร์สเตทที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเองยังมีความสูงเพียงแค่ 381 เมตร ส่วนตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Twin Towers) ที่ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก็มีความสูงเพียงแค่ 451.9 เมตร เท่านั้น เพื่อนๆ ลองจินตนาการดูสิคะว่าหอคอยปะการังอันนี้มันสูงขนาดไหน!?
.
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพบอีกด้วยว่า ฐานของหอคอยปะการังดังกล่าวยึดติดกับก้นทะเลโดยตรง มันจึงไม่หักโค่นลงมาแม้จะถูกกระแสน้ำพัด อีกทั้งรูปทรงของมันยังดูคล้ายกับมีดทำให้กระแสน้ำไหลผ่านได้ดีอีกด้วย ส่วนยอดบนสุดของมันก็อยู่ต่ำกว่าผิวน้ำเพียงแค่ 40 เมตรเท่านั้น ถ้าหากมันงอกยาวขึ้นกว่านี้ วันหนึ่งก็อาจงอกทะลุผิวน้ำขึ้นไปได้ (ถ้าไม่หักลงมาซะก่อนนะ)
.
อย่างไรก็ตาม หอคอยปะการังนี้ก็ไม่ใช่ปะการังขนาดยักษ์แห่งแรกของโลก เพราะที่ผ่านมาเราก็เคยเจอปะการังที่มีขนาดใหญ่โตมหึมาแบบนี้มาแล้วถึง 8 ครั้ง เช่น พืดหินปะการังอาโป (Apo Reef) ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 274.7 ตารางกิโลเมตร นอกชายฝั่งเกาะมินโดโร (Mindoro) เป็นต้น
.
ผลการค้นพบนี้ถูกเผยแพร่ลงในวารสารราชสมาคมกรุงลอนดอนฉบับบี (Proceedings of the Royal Society B) เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2020 โดยทีมวิจัยยังกล่าวอีกด้วยว่า การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าในท้องทะเลยังมีอะไรให้เราค้นพบเพิ่มเติมอีกมาก ซึ่งเทคโนโลยีภาพสามมิติที่เรามีอยู่ตอนนี้จะช่วยให้เราสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ไม่สามารถดำลงไปดูเองได้ด้วย ดังนั้นในอนาคตเขาก็เชื่อว่าเราจะต้องค้นพบปรากฏการณ์ใต้น้ำที่คาดไม่ถึงอีกมากมายต่อไป
.
ถ้าหากในอนาคตมีการค้นพบปรากฏการณ์ใต้ท้องทะเลอะไรใหม่ๆ พวกเรา eduHUB จะขอนำมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันต่อไปนะคะ และถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดไลก์และติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณ
.
สนับสนุนโดย chatBEE แอพที่คนเหงาเค้าโหลดกัน ค้นหาคนรู้ใจใกล้คุณ ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง IOS และ Andriod