พบฟอสซิลไดโนเสาร์ขนปุยสายพันธุ์ใหม่

ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานในประเด็นที่ว่า “จริงๆ แล้วไดโนเสาร์มีขนหรือไม่” เพราะที่ผ่านมาเราทำได้เพียงจินตนาการหน้าตาของไดโนเสาร์จากการดูซากฟอสซิลของพวกมันเท่านั้น ดังนั้นเราจึงมักจะคิดว่าแค่ว่าเมื่อมันมีโครงกระดูกแบบนี้ กล้ามเนื้อของพวกมันน่าจะเป็นแบบไหน หรือผิวหนังของมันน่าจะเป็นยังไง ทำให้ภาพที่ออกมาอาจจะดูดุร้ายน่ากลัวกว่าความเป็นจริง 
.

แต่จริงๆ แล้วไดโนเสาร์เหล่านั้นอาจไม่ได้มีแค่กล้ามเนื้อและผิวหนัง แต่มีขนปุกปุยน่ารักก็ได้ ซึ่งล่าสุดเราก็ได้พบฟอสซิลลูกไดโนเสาร์ขนปุยสายพันธุ์ใหม่แล้ว! 
.

ลูกไดโนเสาร์ตัวนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1993 ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน โดยสภาพฟอสซิลที่เจอนั้นมันยังเป็นลูกนกขนาดเท่าหนูตะเภาที่อยู่ในไข่รูปทรงเรียวยาวอยู่เลย ด้วยความน่ารักมุ้งมิ้งนี่เอง นักบรรพชีวินวิทยาจึงตั้งชื่อเล่นให้มันว่า “เบบี้ลูอี” (Baby louis) ตามชื่อลูอี ไซโฮโยส (Louie Psihoyos) ช่างภาพและผู้กำกับภาพยนต์สารคดีชาวอเมริกันของช่องแนชันแนลจีโอกราฟฟิค ซึ่งเขาก็ได้เป็นคนถ่ายภาพฟอสซิลชิ้นนี้เองและภาพนั้นก็ได้กลายเป็นปกนิตยสารแนชันแนลจีโอกราฟฟิคในเวลาต่อมา
.

ทว่าในปี 1993 นั้นยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้มันเป็นสายพันธุ์อะไรกันแน่ มันเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่เคยค้นพบเมื่อนานมาแล้วหรือไม่ หรือว่ามันจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน ซึ่งจากการศึกษามาอย่างยาวนาน ในที่สุดเราก็มีข่าวดีว่าเจ้าเบบี้ลูอีนี้เป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่จริงๆ !
.

โดยมันถูกจัดอยู่ในกลุ่มไดโนเสาร์มีนก ประเภทนกในกลุ่มโอวิแรปโทโรซอร์ (Oviraptorosaurs) ที่อาศัยอยู่ในยุคครีเทเชียส เมื่อประมาณ 65-145 ล้านปีก่อน ซึ่งนอกจากชื่อเบบี้ลูอีแล้ว นักบรรพชีวินวิทยายังได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้มันอย่างเป็นทางการว่า เป่ยเป่ยหลง ซิเนนซิส (Beibeilong sinensis) เป็นคำที่มาจากภาษาจีนแปลว่า “ลูกมังกร” (baby dragon) 
.

และเช่นเดียวกับชื่อของมัน ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้สามารถพบได้ทั้งในประเทศจีน เกาหลีใต้ มองโกเลีย ตลอดจนอเมริกาเหนือ ทำให้นักบรรพชีวินวิทยาคาดการณ์กันไว้ว่าไดโนเสาร์เหล่านี้น่าจะสามารถผลิตประชากรได้เยอะพอสมควร พวกมันจึงสามารถขยายพันธุ์ไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งอาหารของมันส่วนใหญ่น่าจะเป็นพืช แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถกินเนื้อของสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าได้ด้วย
.

น่าเสียดายที่เจ้าเบบี้ลูอีตัวนี้ต้องมาสูญพันธุ์เสียก่อนที่จะมีโอกาสได้เจริญเติบโต เพราะถ้าหากมันโตขึ้นแล้ว นักบรรพชีวินวิทยาก็เชื่อว่ามันจะสามารถสูงได้ถึง 762 ซม. และหนักได้กว่า 1,000 ก.ก. เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งในกลุ่มโอวิแรปโทโรซอร์เลยทีเดียว
.

แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นยังไงบ้าง ถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดไลก์และติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
.

สนับสนุนโดย chatBEE แอพที่คนเหงาเค้าโหลดกัน ค้นหาคนรู้ใจใกล้คุณ โหลดเลยที่ chatBEE