กำจัดศพบนอวกาศ

อาชีพนักบินอวกาศถือเป็นอาชีพในฝันของเด็กหลายๆ คน เพราะเป็นอาชีพที่ดูเท่ ได้เงินเดือนสูง แถมยังได้ออกไปผจญภัยในอวกาศด้วย แต่เงินเดือนที่สูงและเกียรติยศก็แลกมากับความเสี่ยงมากมายที่อาจต้องเผชิญในอวกาศ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อเราเดินทางออกไปนอกโลก เราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เราอาจต้องเผชิญกับรังสีอันตรายในอวกาศ การสูญเสียมวลกระดูกจากภาวะไร้แรงโน้มถ่วง หรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เราต้องติดอยู่บนอวกาศจนไม่สามารถเดินทางกลับมายังโลกได้ 
.

แต่องค์กรด้านอวกาศหลายแห่งก็พยายามลดความเสี่ยงนี้โดยการวางแผนป้องกันให้รัดกุม ศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะส่งคนขึ้นไปบนอวกาศ จนทำให้ในทุกวันนี้ยังไม่เคยมีข่าวนักบินที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่บนอวกาศเลย (ถึงแม้จะเคยมีบันทึกเหตุการณ์ที่นักบินเสียชีวิตในยานโซยุซ 1 ในปี 1967 แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่านักบินเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในอวกาศหรือระหว่างเดินทางกลับมายังโลก)
.

แต่อันที่จริงแล้ว ปัญหานักบินเสียชีวิตบนอวกาศก็ถือเป็นเรื่องที่น่าคิด ว่าถ้าหากนักบินเกิดเสียชีวิตระหว่างภารกิจขึ้นมาจริง เพื่อนนักบินที่เหลือจะต้องจัดการอย่างไรกับศพนั้นบ้าง เพราะจะปล่อยให้ศพเพื่อนลอยไปลอยมาในยานอวกาศที่คนอื่นๆ ยังทำภารกิจอยู่ก็คงจะไม่ได้ เพราะมันไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจของนักบินที่เหลืออยู่เท่านั้น แต่มันยังเป็นการสิ้นเปลืองพื้นที่บนยานโดยไม่จำเป็นด้วย
.

หรือถ้าจะให้ทิ้งศพออกนอกยานนี่ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะข้อตกลงของสหประชาชาติก็ได้ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าห้ามไม่ให้ชาติไหนทิ้งขยะในภารกิจนอกโลกไว้ในอวกาศ ซึ่งขยะที่ว่านั้นก็รวมถึงศพของมนุษย์ด้วย เพราะถ้าหากทิ้งศพออกไป ศพดังกล่าวก็อาจลอยไปชนกับดาวเทียมจนเสียหาย หรือถ้าหากศพลอยไปตกบนดาวดวงไหนก็อาจจะก่อให้เกิดเชื้อโรคและโรคระบาดบนดาวดวงนั้นด้วย ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงนี้ จึงนำมาสู่ไอเดียในการจัดการศพได้ 2 ข้อ นั่นคือ
.

1.เอาศพไปทำเป็นปุ๋ย

เพื่อให้ร่างกายของนักบินที่ตายไม่เสียเปล่า จึงมีคนเสนอขึ้นมาว่าให้เอาศพนั้นไปทำปุ๋ยเพื่อเพาะปลูกพืชบนอวกาศไปเลย แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ อย่างนักชีวจริยธรรมชื่อ พอล โวลป์ (Paul Wolpe) โดยเขาให้เหตุผลว่ามันไม่ถูกต้องในแง่ของจริยธรรม เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องมือในการทำภารกิจใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่านักบินคนนั้นจะทำภารกิจปลูกพืชบนอวกาศโดยสมัครใจก็ตาม แถมศพของมนุษย์ไม่ใช่ปุ๋ยที่ดีต่อพืชอีกด้วย
.

2.จัดการศพด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ไอเดียนี้เสนอโดยบริษัทโพรเมสซา (Promessa) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจัดการศพแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากประเทศสวีเดน ทางบริษัทได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Body Back” เป็นถุงสำหรับใส่ศพแล้วห้อยไว้ที่นอกยานอวกาศ เพื่อให้ความเย็นด้านนอกยานแช่แข็งศพ ก่อนที่มือหุ่นยนต์ที่ติดตั้งไว้จะเขย่าศพให้แตกออกเป็นฝุ่นผง ซึ่งผงเหล่านั้นจะหนักเพียงแค่ 23 ก.ก. เท่านั้น ทำให้ง่ายต่อการขนย้ายและไม่เปลืองพื้นที่ และเมื่อเพื่อนนักบินที่ยังมีชีวิตอยู่ทำภารกิจเสร็จ ค่อยนำศพนั้นกลับมายังโลกเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
.

และนี่ก็เป็นไอเดียจัดการกับศพของนักบินที่เสียชีวิตบนอวกาศส่วนหนึ่งที่ทางนาซาได้คิดกันมานะคะ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะคิดว่าวิธีไหนดีที่สุด หรือถ้าหากเพื่อนๆ มีไอเดียอื่นที่เจ๋งยิ่งกว่านี้ก็สามารถนำมาพูดคุยกันได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ได้เลยนะคะ และถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดไลก์และติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ