ก่อนหน้านี้พวกเรา eduHUB เคยนำเสนอเรื่องอานูบิส เทพแห่งความตายของชาวอียิปต์ ผู้มีร่างกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่มีศีรษะเป็นหมาในไปแล้ว วันนี้เราเคยอยากจะมาเล่าเรื่องเทพอีกองค์หนึ่งของชาวอียิปต์กันบ้าง แต่เทพองค์นี้แทนที่จะช่วยปกปักรักษาชาวอียิปต์ให้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กลับเป็นต้นเหตุทำให้ชาวอียิปต์แพ้สงครามแทน!?
เทพหรือเทวีที่เรากล้าวถึงไปข้างต้นนี้ก็คือ เทวีบาเตส (Bastet) เทวีแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์ มาถึงจุดนี้หลายคนก็คงจะงงกันใช่มั้ยคะว่าเทวีแห่งความรักจะไปทำให้แพ้สงครามได้ยังไง
คือตามตำนานแล้ว เทวีบาเตสจะมีลำตัวเป็นมนุษย์ผู้หญิง แต่มีศีรษะเป็นแมว ทำให้แมวกลายเป็นสัญลักษณ์ของเทวีองค์นี้เช่นเดียวกับหมาในที่เป็นตัวแทนของเทพอานูบิส ด้วยเหตุนี้ชาวอียิปต์จึงตั้งกฏกันขึ้นมาว่า “ห้ามฆ่าแมวเด็ดขาด” ใครฆ่าแมวถือว่าลบลู่เทวีบาเตส มันผู้นั้นจะต้องโดนลงโทษถึงตาย!
สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นคนรักสัตว์อาจคิดว่ากฏนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรนี่ เพราะการทำร้ายสัตว์ก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่กฏนี้มันจริงจังถึงขนาดที่ เฮอรอโดทัส (Herodotos) บิดาแห่งประวัติศาสตร์ชาวกรีกยังเคยเขียนบรรยายเอาไว้ว่า ถ้าหากบ้านของชาวอียิปต์เกิดไฟไหม้ สิ่งแรกที่ทำคือต้องอุ้มแมวออกมาก่อน! บ้านจะโดนเผาวอดวายยังไงก็ช่าง แต่ต้องช่วยแมวออกมาให้ได้ เพราะถ้าแมวตาย เจ้าของบ้านเองก็ต้องตายด้วย (เวรกรรม…)
แล้วถ้าหากแมวตายขึ้นมา ไม่ว่าจะสิ้นอายุขัยหรืออะไรก็แล้วแต่ ชาวอียิปต์จะไม่เอาศพแมวใส่ถุงแล้วเผาทิ้งเหมือนบ้านเรานะคะ แต่จะต้องจัดงานศพให้แมวเหมือนจัดให้มนุษย์เลย โดยเริ่มจากเอาศพแมวมาทำเป็นมัมมี่และนำไปฝังไว้ตามศาสนสถานต่างๆ พร้อมกับแก้วแหวนเงินทอง
เนื่องจากชาวอียิปต์มีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายว่า ต่อให้คนเราตายไปแล้ว แต่วิญญาณก็สามารถหวนกลับคืนมายังร่างของตนเองได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรักษาร่างนั้นไว้โดยการทำเป็นมัมมี่ เพื่อให้วิญญาณมีร่างจะอยู่ ก่อนจะนำไปฝังพร้อมกับเพชรพลอยของมีค่า เพื่อที่เวลาฟื้นขึ้นมาจะได้ไม่ยากจน สามารถเอาเพชรพลอยไปแลกข้าวแลกน้ำได้
ด้วยเหตุนี้บางครั้งครอบครัวผู้ตายอาจจะฝังอุปกรณ์ประกอบอาชีพลงไปในหลุมศพให้ด้วย พอผู้ตายฟื้นมาจะได้มีเครื่องมือทำมาหากิน (แต่สำหรับแมวที่ถูกฝังไปพร้อมกับของมีค่านั้น เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าแมวฟื้นแล้วมันจะเอาเพชรพลอยไปซื้อข้าวเองได้มั้ย หรือของมีค่านี้จะมีไว้เพื่อล่อเหล่าทาสให้อยากอุปการะแมวไปเลี้ยงก็ไม่รู้)
อย่างไรก็ตาม ชาวอียิปต์ก็ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฏนี้มาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งมันดันมาเกิดปัญหาตอนทำสงครามกับชาวเปอร์เซียนี่สิ!
เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล ในตอนนั้นเปอร์เซียมีกองทัพและกำลังรบที่ยิ่งใหญ่มาก และเพื่อปกป้องประเทศอียิปต์ ฟาโรห์ที่ชื่อ “อมาสิส” จึงจำเป็นต้องส่งลูกสาวของตนเองไปเป็นชายาของกษัตริย์เปอร์เซีย เหมือนเป็นของกำนัลให้เมืองที่ใหญ่กว่าไม่มาตีเรา
แต่ด้วยความเป็นพ่อ ฟาโรห์อมาสิสก็ทำใจส่งลูกสาวตนเองออกไปไม่ได้ พระองค์เลยได้แก้ปัญหาโดยการหาหญิงสาวคนนึงมาปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงแห่งอียิปต์แทน หลังจากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ถูกส่งไปอภิเษกกับแคมไบสิสที่ 2 ผู้เป็นกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
ทว่าเรื่องมันดันมาโป๊ะแตกเอาภายหลัง โดยกษัตริย์แคมไบสิสที่ 2 จับได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งอียิปต์ พระองค์เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟว่ากล้าดียังไงถึงมาหลอกกษัตริย์แห่งเปอร์เซียแบบนี้ มันจะหยามกันมากเกินไปแล้ว! กษัตริย์แคมไบสิสที่ 2 เลยยกทัพไปตีอียิปต์ทันที ซึ่งคนที่มาออกศึกทางฝั่งอียิปต์ก็คือฟาโรห์ปซาเมติคที่ 3 บุตรชายของฟาโรห์อมาสิสนั่นเอง
อันที่จริงแค่ทางเปอร์เซียยกทัพมาแบบธรรมดาๆ ก็น่าจะเอาชนะอียิปต์ได้ แต่แค่นั้นมันยังไม่สาแก่ใจพอ กษัตริย์แคมไบสิสที่ 2 เลยคิดแผนการรบประหลาดๆ ขึ้นมา นั่นคือให้ทหารทุกคนเอาแมวไปสนามรบด้วย! ชาวอียิปต์มันนับถือแมวกันมากนักใช่มั้ย งั้นพวกตูจะเอาแมวไปเป็นโล่นี่แหละ!
ในสงครามครั้งนี้ เราเลยได้เห็นกองทัพเปอร์เซียผูกแมวติดกับโล่ เล่นเอาเหล่าทหารอียิปต์ไม่กล้าโจมตีเข้ามาเลย เนื่องจากกลัวโดนน้อง เพราะถ้าทหารคนนั้นไม่ตายในสนามรบแต่ดันทำน้องตาย ทหารคนนั้นก็จะโดนประหารโทษฐานฆ่าแมวอยู่ดี เหล่าทหารเลยได้แต่พยายามสู้โดยไม่บังเอิญฆ่าแมวไปด้วยเท่านั้น
ทว่าแค่นั้นมันยังไม่ยากพอ ทหารเปอร์เซียเลยปล่อยแมวลงไปวิ่งในสนามรบด้วย ทหารอียิปต์ก็ต้องโยกหลบไม่ให้เหยียบน้อนจนเสียจังหวะการรบ ในขณะที่ทหารเปอร์เซียบางคนก็ปั่นจัดถึงขนาดเอาแมวเขวี้ยงใส่ทหารอียิปต์ก็มี ทำให้ภาพสงครามที่ออกมามีแมวปลิวว่อนไปหมด
ถึงแม้จะฟังดูเป็นสงครามบ้าๆ บอๆ แต่กลับได้ผลเกินคาด เพราะนั่นทำให้เปอร์เซียสามารถเอาชนะและเข้าปกครองอียิปต์ได้ในที่สุด เรียกได้ว่าเสียเอกราชเพราะแมวแท้ๆ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง คิดว่าแผนการรบของกษัตริย์เปอร์เซียล้ำสะใจดีมั้ย แล้วถ้าเพื่อนๆ เป็นทหารอียิปต์ เพื่อนๆ จะแก้เกมอย่างไรบ้าง สามารถคอมเม้นต์เข้ามาพูดคุยกันได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ eduHUB ได้เลยนะคะ และถ้าหากใครชื่นชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์และติดตามเฟสบุ๊คแฟนเพจ eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดบทความและคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ