
ดวงจันทร์ที่เราเห็นยามค่ำคืนทุกวันนี้ถ้าวันหนึ่งไม่มีมันขึ้นมาจะเป็นอย่างไร วันนี้พวกเรา eduHUB จะพาเพื่อนๆมาหาคำตอบกัน อย่างที่ทราบกันดีนั้นว่าโลกของเรามีดาวบริวารเพียงดวงเดียวนั่นก็คือดวงจันทร์ ดวงจันทร์และโลกนั้นถือกำเนิดขึ้นมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เรียกได้ว่ามันเหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
.
โดยที่ดวงจันทร์มีขนาดเท่ากับ 1 ใน 4 ส่วนของโลก และนับว่าเป็นดาวบริวารดวงที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวบริวารของดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ ซึ่งการที่มันมีขนาดใหญ่แบบนี้ทำให้มันย่อมมีอิทธิพลต่อโลกเช่นเดียวกัน เช่น ปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
.

ซึ่งมันจะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นที่ระดับน้ำทะเล จะมีการเพิ่มระดับและลดระดับตามแต่วัน เพราะแรงดึงดูดของโลกกับดวงจันทร์ทำให้น้ำบริเวณพื้นผิวของโลกที่อยู่ด้านเดียวกับดวงจันทร์สูงขึ้น ตรงข้ามกับน้ำบนพื้นผิวอีกฝั่งที่ไม่ได้หันหน้าเข้าหาดวงจันทร์ก็จะเป็นน้ำลง นอกจากนี้อิทธิพลที่ดวงจันทร์มีต่อโลกก็คือแรงดึงดูดของดวงจันทร์มันทำให้แกนโลกเอียงถึงประมาณ 23.5 องศา ซึ่งโลกจะเอียงแบบนี้อยู่ตลอดเวลาซึ่งมนุษย์เรานั้นอาจจะรู้สึกไม่มีผลกระทบอะไรเพราะว่าเรานั้นชินแล้ว
.
ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันมีนักดาราศาสตร์ต่างหาคำตอบว่าดวงจันทร์นั้นกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร จนกลายมาเป็นทฤษฎีที่หลากหลายที่ยังหาคำตอบกันไม่ได้ เพราะยังไม่เคยมีใครพิสูจน์ได้เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านั้นมันเกิดก่อนที่จะมีมนุษย์เกิดขึ้นเสียอีก
.

แต่สิ่งที่นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์เชื่อมากที่สุดนั่นก็คือ ทฤษฎีการกำเนิดดวงจันทร์ที่ว่ามันเกิดขึ้นมาจากการชนของอุกกาบาตขนาดเท่าดาวอังคารมาชนโลกในช่วงที่โลกกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ ซึ่งตอนนั้นโลกยังร้อนและไม่แข็งตัวมาก เมื่อโดนอุกกาบาตจึงเกิดการกระจายออกไป โดยชิ้นส่วนที่กระจายออกไปนั้นไปหลอมตัวรวมกันด้วยแรงดึงดูดจนกลายเป็นดวงจันทร์ในที่สุด
.
ซึ่งทฤษฎีนี้ก็มีข้อสันนษฐานมากมายมารองรับว่ามันอาจจะเป็นจริงและน่าเชื่อถือที่สุด เพราะว่าจากการที่ปี ค.ศ.1969 ยาน Apollo11 ได้ส่งนักบินอวกาศไปเหยียบบนดวงจันทร์ครั้งแรกและครั้งนั้นไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์การเยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของโลกเท่านั้น แต่นักบินอวกาศยังเก็บตัวอย่างหินบนดวงจันทร์กลับมาวิเคราะห์ที่โลกของเรา ซึ่งเมื่อนำมาวิเคราะห์พบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นี้มีไอโซโทปของออกซิเจนเหมือนกับที่พบบนโลก จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลกและดวงจันทร์น่าจะกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน
.

สำหรับดวงจันทร์นั้นถือว่าเป็นดาวที่มีระยะทางใกล้โลกมากที่สุด โดยมีระยะทางเพียงแค่ 384,403 กิโลเมตร ถึงแม้ว่าตัวอย่างหินบนดวงจันทร์นั้นจะคล้ายคลึงกับโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์เราจะไปสามารถไปอยู่บนดวงจันทร์ได้
เพราะสถาพบนดวงจันทร์นั้นไม่มีอะไรที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เลย
.
ซึ่งมันยังไม่สามารถให้เราตั้งถิ่นฐานอยู่ได้ในตอนนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ของโลกก็ไม่ย่อท้อ คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะนำไปสร้างสิ่งก่อสร้างอย่างเช่นลูนาร์เกตเวย์ของนาซ่า สนานีอวกาศแห่งใหม่ที่จะขึ้นไปโคจรรอบดวงจันทร์ คล้ายๆกับสถานีอวกาศนานาชาติที่ตอนนี้กำลังโคจรอยู่รอบโลก และอาจจะใช้เป็นจุดแวะพักเพื่อให้ยานอวกาศที่มีภารกิจที่ต้องเดินทางไกล ได้แวะพักเติมพลังงานเชื้อเพลิง หรือส่งสัมภาระต่างๆที่จำเป็นได้
.
ดูเหมือนว่าตอนนี้อะไรๆก็ลงตัวถ้าโลกนั้นยังอยู่คู่กับดวงจันทร์ แล้วเพื่อนๆคิดว่าจะเป็นยังไงละคะ ถ้าวันหนึ่งโลกของเราไม่มีดวงจันทร์ขึ้นมา วันนี้เราจึงเอาเหตุการณ์หลักๆสองข้อที่เป็นผลกระทบจากการที่เราไม่มีดวงจันทร์มาฝาก
.

1.เกิดคลื่นยักษ์พัดชายฝั่ง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าแรงดึงดูดของดวงจันทร์นั้นมีผลต่อโลกของเรา เพราะมันจะทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำขึ้น น้ำลง ซึ่งการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตามระยะเวลาที่โลกและมนุษย์นั้นชินแล้ว
.
แต่เพื่อนๆลองจินตนาการดูซิคะ ถ้าน้ำบนผิวโลกที่กำลังขึ้น จากแรงดึงดูดของดวงจันทร์ แล้วอยู่ๆ ดวงจันทร์หายไป น้ำที่ขึ้นในตอนนั้นก็จะมีแรงลงมากระแทกอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำและพัดพาคลื่นยักษ์เข้าหาฝั่ง ซึ่งมันจะเป็นคลื่นยักษ์ครั้งรุนแรงเหมือนกับสึนามิเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ามันจะก่อให้เกิดความเสียหายครั้งมหาศาลต่อเมืองหรือประเทศที่อยู่ติดกับน้ำทะเลและมหาสมุทร ซึ่งเราก็ไม่อาจตั้งตัวได้
.

2.ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
เช่นเดียวกันจากการที่เราได้บอกไปข้างต้นว่านอกจากอิทธิพลของดวงจันทร์จะทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงแล้ว แรงดึงดูดของดวงจันทร์ยังทำให้แกนโลกนั้นเอียง 23.5 องศา ตลอดมา ซึ่งในขณะที่โลกเอียงอยู่ในทุกวันนี้ ทำให้พื้นที่ต่างๆบนโลกมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้จะมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิติดลบ แต่บริเวณพื้นที่ที่อยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรจะมีอากาศที่อบอุ่นไปถึงร้อน
.
แล้วถ้าหากวันหนึ่ง ดวงจันทร์หายไป แกนโลกที่เอียงก็จะไม่ได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์แล้ว ก็จะกลับมาตั้งตรง ซึ่งบริเวณพื้นที่ต่างๆของโลกก็จะเปลี่ยนไป บริเวณที่เคยอยู่ในเส้นศูนย์สูตรอาจจะไปอยู่ในบริเวณเหนือที่มีอากาศหนาวเย็นกว่าเดิม ตำแหน่งประเทศไทย อาจจะไปอยู่ตรงที่เคยเป็นประเทศจีน ทีนี้ละ จะได้เห็นหิมะตกเมืองไทยกันบ้าง
.

และนอกจากนี้การที่มันไม่มีดาวที่มีแรงดึงดูดอย่างเช่นดวงจันทร์อยู่ใกล้ๆ ก็เหมือนกับวันแกนโลกของเราจะขาดแรงยึดเหนี่ยว ทำให้บางครั้ง แกนโลกอาจจะเอียงไปเอียงมาแบบไม่คงที่ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าแกนโลกเอียงไปเอียงมาแบบนี้จะทำให้สภาพอากาศของแต่ละพื้นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนมนุษย์ปรับตัวไม่ทันแน่นอน
.
ใครจะไปรู้ ดวงจันทร์ที่เราเห็นอยู่ทุกคืนนี้จะมีความสำคัญกับเรามาก เอาเป็นว่า โลกเรานั้นอยู่คู่กับดวงจันทร์นั่นแหละดีแล้ว เพราะถ้าขาดดวงจันทร์ไป ดูเหมือนว่าโลกของเราจะได้รับผลกระทบเต็มๆเลย สำหรับวันนี้เรื่องราวที่เรานำมาฝากเพื่อนๆก็มีเท่านี้ ก่อนจะไปอย่าลืม กด like กด share คลิปนี้ รวมถึงกดถูกใจเพจ eduHUB ของพวกเราด้วยนะคะ