ในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลเต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย และด้วยความหลากหลายของดวงดาวนี่เองที่ทำให้มนุษย์เราเชื่อว่าบางทีโลกของเราอาจจะไม่ได้เป็นดาวดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก็ได้ โดยเราจะเรียกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นอกโลกนี้ว่า “มนุษย์ต่างดาว” หรือ “เอเลี่ยน” ส่วนหน้าตาของมันจะเป็นอย่างไรนั้น เราก็คงจะได้แต่จินตนาการ เพราะจนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่สามารถพบเจอเอเลี่ยนตัวเป็นๆ ได้สักที
ซึ่งรูปลักษณ์หน้าตาของเอเลี่ยนนั้น บางคนก็มองว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ประหลาด เดินสี่ขา ลำตัวปกคลุมไปด้วยเมือกเหมือนในหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่อง หรือบางคนอาจมองว่าเอเลี่ยนอาจจะหน้าตาเหมือนมนุษย์มากกว่าที่เราคิด โดยใช้ชีวิตปะปนอยู่กับพวกเราโดยที่เราไม่รู้สึกตัว
หนึ่งในภาพลักษณ์ของเอเลี่ยนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ สิ่งมีชีวิตที่ยืนสองเท้า มีผิวสีเทา ดวงตากลมโต และกะโหลกศีรษะที่ใหญ่ยาวเพื่อรองรับมันสมองอันชาญฉลาดเหนือมนุษย์ ซึ่งล่าสุดนี้ก็มีรายงานการค้นพบกะโหลกศีรษะรูปร่างดังกล่าวที่สุสานโรมันโบราณถึง 51 ชิ้น!! แต่กะโหลกเหล่านั้นจะเป็นของเอเลี่ยนจริงหรือไม่ เราต้องไปติดตามดูกันนะคะ
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2020 มีรายงานการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากในสุสาน Mözs-Icsei-dülö ซึ่งเป็นสุสานโรมันโบราณ ในประเทศฮังการี จากการตรวจสอบแล้วโครงกระดูกเหล่านี้ก็มีสภาพปกติดีทุกอย่าง มีแขนขาและสัดส่วนเหมือนมนุษย์ แต่ส่วนกะโหลกของโครงกระดูกเหล่านั้นกลับมีลักษณะยืดยาวคล้ายกับหัวของเอเลี่ยน!? เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่จะเป็นซากศพของมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือนโลกเราในยุคก่อนหน้านี้?
คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ก็มีแต่นักโบราณคดีชาวฮังการีผู้เป็นคนค้นพบโครงกระดูกดังกล่าว เขากล่าวว่า อันที่จริงแล้วโครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ถูกขุดพบในปี 2020 แต่ทีมนักโบราณคดีเคยค้นพบมันมาตั้งแต่ปี 1960 และ 1990 แล้ว ในช่วงเวลานั้นพวกเขาเจอโครงกระดูกมากถึง 96 ร่าง แต่หลังจากตรวจสอบดู พวกเขาก็แค่ได้เรียนรู้ว่าโครงกระดูกดังกล่าวน่าจะถูกฝังตั้งแต่ช่วงราวๆ ศตวรรษที่ 5 ส่วนข้อมูลอื่นๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก ทีมนักโบราณคดีจึงได้ลืมมันไปจนกระทั่งปี 2020 ที่มีนักโบราณคดีคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าโครงกระดูกจำนวนหนึ่งมีลักษณะแปลกๆ
นั่นก็คือโครงกระดูกทั้ง 51 ร่างที่เรากล่าวไปข้างต้นนั่นเอง โครงกระดูกเหล่านั้นมีกะโหลกที่บิดเบี้ยวผิดรูป และเมื่อลองตรวจเช็คดูอย่างละเอียดอีกครั้งก็พบว่ากะโหลกเหล่านั้นมีร่องรอยของการดัดแปลงรูปกะโหลก คาดว่าน่าจะเกิดจากการรัดศีรษะเป็นเวลานานจนโครงสร้างกะโหลกยาวออกไปเหมือนศีรษะของเอเลี่ยน
น่าเสียดายที่กะโหลกเหล่านี้ไม่ใช่ศีรษะของเอเลี่ยนจริงๆ แต่การค้นพบครั้งนี้ก็ถือว่ามีค่าในทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากทีมนักโบราณคดียังได้ค้นพบอีกด้วยว่าการรัดศีรษะพบใน 3 กลุ่มช่วงอายุ ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา จึงเป็นไปได้ว่าการดัดแปลงโครงสร้างกะโหลกอาจเป็นเทรนด์หรือพิธีกรรมบางอย่างของคนในยุคนั้น โดยนำผ้ามารัดศีรษะไว้จนแน่นตั้งแต่เด็กตอนที่กะโหลกยังอ่อนอยู่ ทำให้เมื่อโตมากะโหลกจึงถูกบีบให้กลายเป็นรูปร่างดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญก็กล่าวเพิ่มเติมว่า วัฒนธรรมเช่นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะชนพื้นเมืองอเมริกันโบราณอย่างชาวอินคาและชาวมายาเองก็นิยมการดัดแปลงกะโหลกศีรษะเช่นกัน โดยชาวอินคานิยมรัดศีรษะให้แหลมขึ้นเพื่อความสวยงาม ส่วนชาวอเมริกันอินเดียนเผ่าหนึ่งนิยมกดหัวเด็กให้แบนด้วยแผ่นไม้ผูกเชือก
แต่ถึงกระนั้นการค้นพบกะโหลกทั้ง 51 ชิ้นก็ยังเป็นหลักฐานการดัดแปลงกระดูกมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมาในแทบยุโรป แถมยังอาจเป็นการค้นพบพิธีกรรมใหม่ของชาวโรมันอีกด้วย เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครบันทึกว่าชาวโรมันมีวัฒนธรรมการดัดกะโหลกเช่นนี้มาก่อน แต่ชาวโรมันจะรับวัฒนธรรมนี้มาจากใคร เทรนด์นี้โด่งดังในคนกลุ่มไหน เราก็คงต้องศึกษากันต่อไป…
สุดท้ายแล้วกะโหลกศีรษะคล้ายเอเลี่ยนนี้ก็เป็นเพียงวัฒนธรรมการดัดกะโหลกของชาวโรมันโบราณเท่านั้น แต่ถึงแม้เราจะยังหาเอเลี่ยนไม่เจอ แต่เราก็ได้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์มาทดแทน แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากเพื่อนๆ ชื่นชอบบทความที่ทั้งสนุกและมีสาระแบบนี้ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB เพื่อเป็นกำลังให้พวกเราทุกคนด้วยนะคะ