
ถ้านึกถึงดวงที่มีวงแหวนล้อมรอบเพื่อนๆจะนึกถึงดาวอะไรบ้าง คงหนีไม่พ้นดาวเสาร์แน่ๆ แต่ยังมีดาวอีกหนึ่งดวงที่มีวงแหวนล้อมรอบเหมือนกัน นั้นก็คือ ดาวยูเรนัส เป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ที่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 7 มีระยะทางประมาณ 2.9 พันล้านกิโลเมตร และได้รับฉายาว่า Sideways Planet เป็นดาวเคราะห์เอียงตะแคงเพราะโคจรลาดเอียงเกือบ 90 องศา มีความเป็นเอกลักษณ์หมุนไปทางด้านข้าง ของการโคจรรอบดวงอาทิตย์เช่นล้อลูกกลิ้ง
บนดาวยูเรนัสมีความหนาวเย็นและมีลมแรง ล้อมรอบไปด้วยวงแหวน 13 ชั้น และมีดวงจันทร์ขนาดเล็ก 27 ดวง จากระยะทางที่ห่างไกลระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวยูเรนัส ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทาง ถึง 2 ชั่วโมง 40 นาที สำหรับแสงจากดวงอาทิตย์ เดินทางสู่โลกจะใช้เวลาประมาณ 8 นาที ในเวลา 1 วัน ดาวยูเรนัสจะมีเวลาเพียง 17 ชั่วโมง แต่ 1 ปีจะยาวนานมากถึง 84 ปี ดาวยูเรนัสเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีเส้นศูนย์สูตรเกือบจะตั้งฉาก ในการโคจรมีความเอียง 97.77 องศา

สาเหตุอาจเป็นผลมาจากการชนกับวัตถุขนาดเท่าโลกนาน ความลาดเอียงที่ไม่ซ้ำแบบนี้ทำให้เกิดฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เกือบ 1 ใน 4 ของการโคจรรอบดวงอาทิตย์กลายเป็นฤดูหนาวที่ยาวนาน ถึง 21 ปี และนอกจากนั้นดาวยูเรนัสเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์สองดวง ที่หมุนไปในทิศทาง ตรงกันข้ามกับดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ คือจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกเหมือนกับดาว ศุกร์ นักวิทยาศาสตร์พบสารเคมีที่สงสัยมานาน สิ่งที่หมุนวนในเมฆของดาวยูเรนัสคืออะไร และเมื่อไม่นานนี้ ได้ใช้เทคนิค ที่เรียกว่า Spectroscopy to Identify the Elements เพื่อระบุ องค์ประกอบของดาวยูเรนัส และได้พบกับสารเคมีไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีความเข้มข้นมากกว่าแอมโมเนีย ซึ่งเป็นแก๊สไข่เน่าที่มีมีกลิ่นเน่าเหม็นคล้ายไข่เน่า
โดยทั่วไปบนโลกถือว่าเป็นมลพิษทางอากาศและสุขภาพของมนุษย์ เมื่อแก๊สพิษชนิดนี้สัมผัสกับน้ำหรือไอน้ำ ก็จะเปลี่ยนเป็นกรดซัลฟูริกมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง โดยเฉพาะหากเกาะตัว อยู่บนโลหะหรืออยู่ในอากาศเมื่อฝนตกลงมาก็จะกลายเป็นไอกรดหรือฝนกรด ดาวยูเรนัสเป็นหนึ่งในสองดาวยักษ์น้ำแช็งในระบบสุริยะชั้นนอก (อีกดวงหนึ่งคือเนปจูน) มวลของดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ (80 % ขึ้นไป) ประกอบด้วยของเหลวที่มีความร้อนสูง คือน้ำมีเทนและแอมโมเนีย ศูนย์กลางมีแกนหินขนาดเล็กใกล้แกนกลางร้อนได้ถึงเกือบ 5,000 องศาเซลเซียส

ดาวยูเรนัสมีสีเขียวอมฟ้า จากก๊าซมีเทนในชั้นบรรยากาศเมื่อ แสงแดดผ่านชั้นบรรยากาศ และสะท้อนกลับออกมาจากยอดเมฆของดาวมฤตยู ก๊าซมีเทนดูดซับแสงสีแดงซึ่งส่งผลให้เกิดสีฟ้า–เขียว พื้นผิวดาวยูเรนัสไม่มีพื้นผิวที่แท้จริง ส่วนใหญ่เป็นของเหลวและน้ำแข็ง ในขณะที่ยานอวกาศจะไม่สามารถบินผ่านบรรยากาศได้ เพราะความกดดัน และอุณหภูมิที่รุนแรงจะทำลายโลหะของยานอวกาศ เพราะบรรยากาศใหญ่เป็นไฮโดรเจนและฮีเลียมมีเทน
มีความเร็วลมสูงถึง 900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นกระแสลมทวน กลับในทิศทาง ย้อนกลับของการหมุนของดาวเคราะห์ (Retrograde Motion) แต่ใกล้กับขั้วจะเปลี่ยนไปสู่ทิศทางไหลไปตาม การหมุนรอบตัวของดาวยูเรนัส (Prograde Motion) ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน มีความแตกต่างจากดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ เพราะดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน เชื่อกันว่ามีมหาสมุทรขนาดใหญ่อยู่ใต้ก้อนเมฆที่ปกปิดไว้ สิ่งนี้ทำให้แตกต่างจากดาวก๊าซยักษ์ของระบบสุริยะความสำคัญคือ ดาวยักษ์น้ำแข็งเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในทาง ช้างเผือก มีจำนวนมากกว่าดาวก๊าซยักษ์ เช่น ดาวพฤหัสบดี

ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่ถูกเรียกว่าเป็นดาวก๊าซยักษ์ แต่ในความจริงมีมวลประมาณ 65% เป็นน้ำและอื่นๆที่เรียกว่า ‘น้ำแข็ง’ ซึ่งเป็นองค์ประกอบเคมีของ มีเทนและ แอมโมเนีย อุณหภูมิที่ต่ำ เหล่านี้หมายความว่าสารเคมีอยู่ในสถานะแช่แข็ง ทำให้เกิดชั้นหนาระหว่าง ชั้นบรรยากาศและแกนของดาวเคราะห์ซึ่งเรียกว่าชั้นแมนเทิล อย่างไรก็ตามรูปแบบที่เก็บสารเคมีเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใจได้ในขณะนี้
การใช้ห้องทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อศึกษาสภาพเหล่านี้เป็นเรื่องยาก ที่จะสร้างแรงกดดันและ อุณหภูมิที่สูงขึ้นจากน้ำแข็งยักษ์ แต่โมเดลคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นพบว่าการผสมน้ำและแอมโมเนีย ที่แช่แข็ง ภายในน้ำแข็งยักษ์น่าจะเป็น สารประกอบที่เรียกว่า Ammonia hemihydrate (โมเลกุลที่ผิดปกติของแอมโมเนีย)

แต่เดิมมีข้อมูลว่าดาวยูเรนัสมีวงแหวนสองชุด ระบบภายในมี 9 วงประกอบด้วยส่วนที่เป็นวงแหวนสีเทาเข้มและแคบ มีวงแหวนรอบนอกอยู่สองข้าง ด้านในสุดเป็นสีแดงคล้าย กับวงฝุ่น สนามแม่เหล็กของดาวยูเรนัส มีรูปทรงผิดปกติและไม่สม่ำเสมอ โดยทั่วไปสนามแม่เหล็กมักอยู่ในแนวเดียวกันการหมุนของดาวเคราะห์ แต่สนามแม่เหล็กของดาวยูเรนัส มีปลายแหลมแกนแม่เหล็กเอียงไปเกือบ 60 องศา จากแกนหมุนของดาวเคราะห์และ ยังชดเชยจากศูนย์กลางของดาวเคราะห์ด้วย หนึ่งในสามของรัศมีของดาวเคราะห์
ดังนั้นการเกิดออโรรา (Aurora) บนดาวยูเรนัสไม่อยู่ในแนวเดียวกันกับขั้ว (เช่นเดียวกับ โลก ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์) เนื่องจากสนามแม่เหล็กบนดาวยูเรนัสไม่สมดุล เส้นสนามแม่เหล็กจะบิดเบี้ยวโดยการหมุนรอบข้างของดาวยูเรนัสเป็นรูปเกลียวยาว (Long Corkscrew Shape) เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ ดาวยูเนรนัสถือเป็นดาวที่แปลกๆพิลึกใช่ไหมละคะ ถ้าเพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไงก็สามารถมาคอมเม้นพูดคุยกับพวกเราได้เลยนะคะ สุดท้ายนี้ หากถูกใจคลิปของพวกเราอย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ