
ในอวกาศมีเรื่องลี้ลับมากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เพื่อนๆคิดว่าจะมีเรื่องอะไรกันบ้างที่เพื่อนสนใจ ซึ่งบางคนอาจจะมีเรื่องในใจอยู่แล้ว มาลองดูกันว่าจะตรงกับเราหรือไม่ และวันนี้พวกเรา eduHUB จะพาเพื่อนๆไปดู 9 เรื่องลี้ลับในอวกาศ มาลองดูกันว่าจะตรงกับของเพื่อนๆไหม
1.พลังงานมืด
พลังงานมืด คือพลังงานลึกลับที่ไม่มีใครเคยรู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งพลังนี้มันคือแรงพลักดันในขณะที่แรงโน้มถ่วงยึดสิ่งต่างๆไว้ ให้เข้าหากันอยู่ในดาราจักรและระหว่างดาราจักร มันมีแรงมหาศาลที่ทำงานอยู่เบื้องหลังและทั่วเอกภพ เพื่อทำการดึงให้ทุกสิ่งออกจากกัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เพิ่งสังเกตได้เมื่อไม่นานมานี้ ว่าเอกภพนั้นได้กำลังขยายตัว ด้วยอัตราความเร็วที่เพิ่มขึ้น และเมื่อไม่พบสาเหตุว่ามันคืออะไร และเกิดขึ้นได้จากอะไร ก็เลยได้ตั้งชื่อมันว่า พลังงานมืด และเมื่อปีที่ผ่านมาได้ทำการพิสูจน์และค้นพบว่า พลังงานมืด นี้กำลังทำงานอยู่ ซึ่งจากการคำนวณได้พบว่าแรงผลักมีอิทธิพลต่อเอกภพถึง 65% และมวลมืดหรือมวลสารมืดที่ไม่สามารถมองเห็นได้อีก 30% ของเอกภพ ทำให้เอกภพมีมวลและพลังงานตามปกติเหลือเพียง 5% ซึ่งการขยายตัวด้วยการเร่งแบบนี้ จะทำให้ดาราจักรทั้งหมดจะไม่มีวันสิ้นสุดและหาจุดจบไม่ได้

2.น้ำบนดาวอังคาร
อย่างที่เราได้เคยนำเสนอให้เพื่อนๆฟังกันในเรื่องของน้ำบนดาวอังคารในตอนก่อนหน้านี้ ซึ่งเรื่องน้ำบนดาวอังคารก็ยังคงปกปิดความลับอยู่ เพื่อนๆคิดว่าจากการพบน้ำบนดาวอังคาร มันจะส่งผลให้มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารหรือไม่ ใครบ้างที่จะรู้คำตอบ ในเมื่อนาซายังหาคำตอบไม่ได้ แต่แน่นอน ที่สำคัญมีการค้นพบที่สำคัญเกี่ยวกับน้ำแข็ง ในปี 2545 แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นหรือนึกภาพได้ว่ามันอยู่ในสภาวะของเหลวแบบนั้นได้ยังไง จนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบร่องรอยมีลักษณะคล้ายรอยมีดบาดบนพื้นผิว และมีน้ำไหล แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างไม่มั่นใจ และตอนนี้ยานอวกาศโอเดเซย์ ได้ทำการโคจรรอบดาวอังคารและทำการที่จะเก็บหลักฐานเพื่อพิสูจน์กันต่อไป

3.หลุมดำทางช้างเผือก
ทางช้างเผือกเป็นกาแล็กซีหนึ่งในจักวาล และมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะถูกกลืนเข้าไปในหลุมดำใจกลางทางช้างเผือก เราไม่สามารถที่จะได้เห็นหลุมดำ ถึงแม้เราจะคอยเฝ้าดูดวงดาวต่างๆที่โครจรรอบหลุมดำของทางช้างเผือก บริเวณหลุมดำมีความปั่นป่วนที่รุนแรง หอสังเกตุการณ์จันทราได้แสดงข้อมูล เมื่อปี 2545 ว่าได้หลุมดำกลืนกินหมู่มวลที่มากมมหาศาล จนคลายรังสีเอกซ์พลังงานสูงออกมา ซึ่งการกระทำของหลุมดำทำให้เห็นความแตกต่างมากมายที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจ

4.โลกและสิ่งมีชีวิต
โลกไม่ได้บันทึกเหตุการณ์เมื่อหลายพันล้านปีก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยัง มีข้อมูลอยู่เพียงเล็กน้อยที่นักวิทยาศาสตร์นำมาวิเคราะห์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คิดว่าคนเราสามารถอยู่รอดได้ ด้วยการเดินทางจากดาวอังคารมายังโลก จากชิ้นส่วนของดาวอังคารหลังจากที่ถูกดาวเคาระห์น้อยชน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบว่ามีหินจากดาวอังคารได้มายังโลกประมาณเดือนละก้อน และมีแมลงเล็กๆอยู่ภายในฝุ่นของดาวหาง และยังพบอีกว่ามี สัตว์ขนาดเล็ก จากอวกาศเข้ามาในบรรยากาศโลก ดังนั้นชีวิตของพวกเราอาจเริ่มต้นจากที่ห่างไกลที่ไหนสักที่หนึ่ง และไม่แน่เราอาจจะเคยอยู่บนดาวอังคารหรือรอบๆดาวดวงอื่นมาก่อนก้ได้

5.หินของโลกบนดวงจันทร์
คงไม่มีดาวดวงไหนที่จะน่าศึกษามากไปกว่าดวงจันทร์ เราเคยสามารถนำหินจากดวงจันทร์เพื่อมาทำการวิเคราะห์ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงเก็บซ่อนความลับไว้มากมาย แต่ที่น่าแปลกก็คือ หินที่เก็บมาจากดวงจันทร์นั้น มันคือหินที่หลุดออกไปจากโลกเมื่อหลายพันล้านปีก่อน ตอนที่ดาวเคราะห์น้อยได้ชนเข้ากับโลก เมื่อเดือน กรกฎาคม ได้พบมวลหินขนาด 11,000 ปอนด์ ซึ่งพบบนพื้นผิวดวงจันทร์ หินโลกที่อยู่บนดวงจันทร์น่าจะเป็นวัตถุที่สามารถให้ข้อมูลเก่าของโลกได้เมื่อตอนที่กำเนิดโลก บรรยากาศของโลกเมื่อก่อน และอาจสามารถบอกการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตได้

6.เราอยู่เพียงลำพังหรือไม่
ระบบสุริยะไม่ได้มีเพียงในระบบสุริยะทางช้างเผือกเพียงอย่างเดียว เราเคยพบกับระบบดาวอื่นๆ และมีดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าดาวพฤหัส และดาวเคราะห์ทั้งหลายยังโคจรใกล้กับดาวฤกษ์ของมันมากกว่าของเราด้วยซ้ำ ซึ่งนั้นทำให้เกิดข้อสงสัยว่าระบบสุริยะของเรามาตรฐานจริงหรือเปล่า และเมื่อเดือนมิถุนายนได้พบกับดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับดาวพฤหัสในวงโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงอื่น และตอนนี้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นและคาดว่าจะมีดาวเคราะห์ดวงเล็กๆอยู่หลายพันล้านดวงโคจรอยู่รอบๆดาวฤกษ์ทั้งหลาย ซึ่งมีความคาดหวังว่าจะมีดาวเคราะห์หินที่เหมือนกับโลกของเราบ้างมั้ย ความสงสัยนี้จะยังไม่สามารพิสูจน์ได้จนกว่าจะมียุคใหม่ของกล้องโทรทรรศ์อวกาศ หรือยานอวกาศที่สามารถโคจรหรือเดินทางได้ไกลกว่าปัจจุบันขึ้นโคจร สำรวจกาแลกซี่อื่นๆ

7.ภาพถ่ายจากดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงเดียวในระบบสุริยะที่ทรงพลังและมีพลังงานมหาศาล มีนักวิทยาศาสตร์มากมายที่พยายามค้นหาและวิเคราะห์พลังงานจากดวงอาทิตย์ จนมียานสำรวจได้เข้าไปใกล้และเก็บภาพดวงอาทิตย์อันร้อนระอุมาซึ่งภาพนี้ได้เปิดเผยโครงสร้างจากบริเว ณที่สว่างไปจนถึงใจกลางจุดมืดของดวงอาทิตย์ โครงสร้างที่แปลกนี้ได้รับความร้อนอันมหาศาลและพลังงานจากสนามแม่เหล็กนั้นเอง

8.อายุของเอกภพที่แท้จริง
นักวิทยาศาสตร์โต้เถียงกันเมื่อเห็นหัวข้อของอายุของเอกภพ และเอกภพเริ่มแรกวิวัฒนาการเป็นแบบใด มีคนคาดการณ์ว่าอายุของเอกภพน่าจะราวๆ 12-15พันล้านปี แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจโดยกล้องโทรทรรศฮับเบิลและได้วิเคราะห์ให้อายุของเอกภพไว้ที่ 13-14 พันล้านปี แต่แท้จริงแล้วนั้นเราไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าเอกภพนั้นจริงๆแล้วอายุเท่าไหร่ ได้แต่เพียงลุ้นว่าจะมีใครที่สามารถหาตำตอบที่แท้จริงนี้ได้ เพราะมีคำถามมากมายรอเพื่อหาคำตอบ เช่น ตอนเริ่มต้นเอกภพเป็นอย่างไร เกิดอะไรบ้างในตอนนั้น ทุกคนต่างรอการพิสูจน์

9.ดาวเคราะห์ที่หายไป
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้สร้างภาพจำลองจากคอมพิวเตอร์ และได้ใช้ทฤษฎีเก่าแก่ที่ยอมรับกันมาหลายทศวรรษ ที่บอกว่าระบบสุริยะขอเรานั้นเกิดขึ้นมาอย่างไร แต่คอมพิวเตอร์กลับทำแผนภาพที่มีดาวเคราะห์ที่อยู่ในระบบสุริยะออกมาเพียง 7 ดวงซึ่ง ดาวอีก 2 ดวงที่หายไปนั้นคือ ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน สาเหตุที่เกิดเหตุการณ์นี้ ก็เพราะว่าแบบจำลองมาตรฐานของการเกิดดาวเคราะห์ต้องการมวลมาชนกันแต่ยึดติดกันแน่นหลายล้านปี เมื่อแกนใหญ่เกิดขึ้น ก๊าซถูกดึงเพื่อสร้างดาวเคราะห์ใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ แต่ไกลกว่านั้นตรงที่เนปจูนและยูเรนัสอยู่ กลับไม่มีมวลที่มากพอที่จะสร้างดาวเคราะห์ได้นั้นเอง

เป็นยังไงกันบ้างละคะเพื่อนๆ มีเรื่องไหนโดนใจเพื่อนๆกันมั้งคะ แต่ละเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าน่าตื่นเต้น น่าค้นหาไม่แพ้กันเลย สุดท้ายนี้ หากถูกใจบทความของพวกเราอย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ