15 เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ที่ยังเป็นปริศนาจึงถึงทุกวันนี้

บนโลกใบนี้มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นมากมายในอดีตที่ผ่านมา บางเรื่องก็สามารถหาที่ไปที่มาได้ แต่บางเรื่องกลับกลายเป็นปริศนาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

1.คดีการตายปริศนาที่เขายัตลอฟ (The Dyatlov Pass incident)

9 นักปีนเขาที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาบนเขายัตลอฟ มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้น ที่หาคำอธิบายไม่ได้ เช่น ทำไมในวันเกิดเหตุที่มีพายุหิมะรุนแรง แต่พวกเขากลับไม่กางเต็นท์ในป่า แต่ไปกลางในที่โล่ง ศพของแต่ละคนกระจายกระจายไปคนละที่ บางคนแข็งตายในสภาพเปลือยเปล่า บางคนถูกมีร่องรอยบอบช้ำอย่างรุนแรง ลิ้นบางคนหายไป และเสื้อผ้าบางคนก็มีสารกัมมันตรังสีอีกด้วย คดีนี้ถูกสรุปว่า ทั้ง 9 คนเสียชีวิตจาก “พลังงานลึกลับบางอย่าง”

The Dyatlov Pass incident
ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ allmysteryworld.blogspot.com

2.ฝนเนื้อที่เคนทักกี (The Kentucky Meat Shower)

วันที่ 3 มีนาคม ปี 1876 ในเมืองบาธเคาน์ตี้ รัฐเคนทักกี ได้เกิดเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุด เพราะจู่ๆ ก็มีชิ้นเนื้อขนาด 5-10 ตารางเซนติเมตร ตกลงมาจากท้องฟ้าจำนวนมากมาย โดยมีผู้ทดลองรับประทานชิ้นเนื้อนี้แล้วระบุว่ารสชาติมันคล้ายกับเนื้อแกะหรือเนื้อกวาง แต่นายพรานคนหนึ่งระบุว่ามันคือเนื้อหมี อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ ซึ่งระบุได้ว่า มันเหมือนกับเนื้อเยื่อปอดของม้า หรือไม่ก็ของเด็กทารก ซึ่งมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกัน

ฝนเนื้อที่เคนทักกี
ภาพจำลองฝนเนื้อ – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ atlasobscura.com

3.ชายในหน้ากากเหล็ก (The Man in the Iron Mask)

เรื่องนี้กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานผ่านทั้งวรรณกรรมและภาพยนตร์มากมาย แต่ความจริงในประวัติศาสตร์ค่อนข้างจะแตกต่างจากเนื้อเรื่องของฮอลลีวู้ดพอสมควร ซึ่งหลักๆ ก็คือเรื่องราวของชายสวมหน้ากากเหล็กในต้นศตวรรษที่ 18 ที่ถูกคุมขังอย่างยาวนานถึง 34 ปีในคุกบาสติล เขาถูกดูแลอย่างดี แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามถอดหน้ากากเด็ดขาด ถึงแม้ว่ามีหลายครั้งที่เขาพยายามจะสื่อสารถึงคนภายนอก แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็ยังเป็นปริศนาที่ไม่มีใครรู้ว่า เขาคือใครกันแน่

The Man in the Iron Mask
โปสเตอร์หนังเรื่อง The Man in the Iron Mask – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ primevideo.com

4.เสียงฮัมลึกลับจากท้องฟ้า (The Hum)

เสียงประหลาดที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าทั่วโลก โดยมีเสียงคล้ายกับแตร หรือบางทีก็คล้ายกับเครื่องจักรกำลังทำงาน มีคลื่นความถี่ต่ำ ปรากฏขึ้นครั้งละหลายๆ นาที โดยที่ไม่สามารถหาที่มาของเสียงดังกล่าวได้ บน Youtube เองก็มีการบันทึกเสียงปริศนานี้ไว้ได้หลายที่เช่นกัน

The Hum
ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ ufoymisterios.es

5.ปริศนาเรือแมรี เซเลสต์ (The Mary Celeste)

ถ้าพูดถึงเรือผีสิงที่โด่งดังที่สุด จะต้องมีชื่อของเรือแมรี เซเลสต์ เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน โดยในปี 1872 เรือแมรีได้หายไปอย่างลึกลับ และในอีก 1 เดือนต่อมา มันถูกค้นพบในสภาพที่เป็นปริศนา ลูกเรือทุกคนหายไปหมด ข้าวของทุกอย่างที่ทำเอาไว้ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น ราวกับว่าพวกเขารีบหนีอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่ได้เอาข้าวของไปแม้แต่น้อย จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเรือแมรี เซเลสต์กันแน่

The Mary Celeste
ภาพเรือแมรี เซเลสต์ – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ halfarsedhistory.net

6.ดี.บี. คูเปอร์ (D.B. Cooper)

นี่อาจเป็นจอมโจรที่บ้าระห่ำและลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยในปี 1971 ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำ ขึ้นเครื่องบินพาณิชย์เพื่อเดินทางไปซีแอตเติ, วอชิงตัน โดยในขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่กลางท้องฟ้า เขาเขียนโน๊ตให้กับแอร์โฮสเตทว่าตนเองมีระเบิด และเรียกเงินจำนวน 2 แสนเหรียญ พร้อมกับร่มชูชีพ 4 อัน เมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการ ก็บังคับให้เครื่องบินมุ่งหน้าไปยังเม็กซิโกซิตี้ โดยเขากระโดดลงจากเครื่องด้วยรุ่มชูชีพ พร้อมกับเงิน 2 แสนเหรียญที่ไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย

ดี.บี. คูเปอร์ (D.B. Cooper)
ภาพสเก็ตของดี.บี. คูเปอร์ – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ themysteriousth.com

7.สัญญาณ ว้าว! (The Wow! Signal)

สัญญาณ ว้าว! ได้รับชื่อมาจากนักดาราศาสตร์นามว่า เจอร์รี อาร์. เอห์แมน ซึ่งเขียนคำว่า Wow! เอาไว้บนกระดาษที่ตีพิมพ์รหัสสัญญาณ ที่ตรวจพบความเข้มสูงมาก มีความยาว 72 วินาที และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสัญญาณจากนอกโลก และนอกระบบสุริยะ ถึงแม้ภายหลังจะมีความพยายามตรวจหาสัญญาณนี้อีก แต่ก็ไม่เคยพบมันอีกเลย

The Wow! Signal)
ภาพสัญญาณ ว้าว! – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ 7thaixfile.blogspot.com

8.มนุษย์ผู้กินไม่เคยอิ่ม (Tarrare)

ทาร์แรร์ ชาวนาที่เกิดในช่วงปี 1772 ที่ดูราวกับเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ เหตุเพราะเขาเป็นคนที่กินไม่เคยอิ่ม แถมยังกินได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ก้อนหิน ช้อนส้อม ตระกร้าใส่ของ เครื่องมือต่างๆ หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตตัวเป็นๆ โดยในขณะที่เขาเป็นทหารและถูกจับไปเป็นเชลย ทาร์แรร์ถูกจับนำไปทดลองในโรงพยาบาล และเขาต้องแอบไปดื่มเลือดของผู้ป่วยคนอื่นๆ รวมไปถึงเด็กทารกอีกด้วย

Tarrare
ภาพวาดทาร์แรร์ – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ ripleys.com

9.ชายสวมหน้ากากปริศนา (The Max Headroom Incident)

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1987 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญประชาชนทั่วไป เพราะในช่วงระหว่างออกอากาศเรื่อง Doctor Who ของสถานีโทรทัศน์ชิคาโก การออกอากาศได้ถูกสัญญาณแทรกซ้อนเข้ามา โดยปรากฏเป็นภาพของชายสวมหน้ากาก แม็กซ์ เฮดรูม เขาพูดจาวกไปวนมาในเรื่องไร้สาระ และปิดท้ายด้วยการใช้ไม้ตีแมลงวัน ตีใส่ก้น (คาดว่าเป็นผู้หญิง) ของผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ถึงแม้ตำรวจและ FBI จะช่วยกันหาตัวพวกเขากันทั่วแล้วก็ตาม

The Max Headroom Incident
ภาพของชายสวมหน้ากาก แม็กซ์ เฮดรูม – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ allthatsinteresting.com

10.จูน และ เจนนิเฟอร์ กิบบอนส์ (June and Jennifer Gibbons)

ฝาแฝดจากเวลส์ที่เกิดในยุค 60 อาจเป็นฝาแฝดที่น่าขนลุกที่สุดในโลก เมื่อทั้งคู่สื่อสารกันด้วยภาษาที่เข้าใจกันเองตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่ตัดการสื่อสารจากคนภายนอกและไม่สามารถเข้าสังคมได้เลย ถึงแม้พ่อแม่ของทั้งคู่จะแก้ไขด้วยการส่งให้พวกเธอไปอยู่คนละโรงเรียน แต่นั่นกลับทำให้เรื่องราวเลวร้ายมากขึ้น ทั้งคู่มีนิสัยก้าวร้าว และกลายเป็นอาชญากร จนต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช พวกเธอเคยกล่าวว่า “ต้องมีใครสักคนตายไป อีกคนถึงจะเป็นอิสระ”และสุดท้าย เมื่อเจนนิเฟอร์ยอมสละชีวิตคนเองจากอาการหัวใจวายอย่างเป็นปริศนา จูนได้กลับกลายเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปอีกครั้ง

June and Jennifer Gibbons
ฝาแฝดกิบบอนส์ – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ procaffenation.com

11.อุกกาบาตทันกัสกา (The Tunguska Event)

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1908 ได้เกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่บริเวณแม่น้ำทันกัสกา ในไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย แรงระเบิดของมัน ส่งผลให้พื้นที่ป่ากว่า 2,150 ตารางกิโลเมตร ที่ประกอบด้วยต้นไม้ราว 80 ล้านต้น รุนแรงกว่าระเบิดที่
ฮิโรชิม่าถึง 1,000 เท่า และส่งผลให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใกล้เคียงราว 35 ไมล์ ได้รับแรงสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถึงแม้การระเบิดครั้งนี้จะถูกสันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากกอุกกาบาตขนาดยักษ์ แต่น่าแปลกที่มันไม่มีร่องรอยของหลุมอุกกาบาตแม้แต่น้อย

The Tunguska Event
ภาพอุกกาบาตทันกัสกา – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ collective-evolution.com

12.ปริศนาซิคาดา 3301 (Cicada 3301)

ทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ได้มีองค์กรลับแห่งหนึ่งทำให้ชาวเน็ตต้องงุนงง เมื่อพวกเขาได้โพสต์ปริศนาที่ซับซ้อนอย่างมากบนโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมไขปริศนาเหล่านี้ ปริศนาของ Cicada 3301 จะมาในรูปแบบของการเข้ารหัสข้อความแบบต่างๆ ที่ต้องอาศัยความรู้ในหลายๆ ด้านมาช่วยในการไขปริศนา และปริศนาดังกล่าวไม่ได้มีอยู่แค่บนโลกออนไลน์ แต่ยังกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ สำหรับบรรดาผู้ที่ไขปริศนาไปถึงจุดนั้นเท่านั้น ที่จะเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีใครทราบว่าองค์กรที่ทำปริศนานี้ขึ้นมาต้องการอะไร และพวกเขาเป็นใครกันแน่

Cicada 3301
ภาพปริศนาของ Cicada 3301 – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ urbancreature.co

13.เด็กตัวเขียวแห่งวูลพิท (The Green Children of Woolpit)

ตำนานในช่วงศตวรรษที่ 12 เมื่อคนงานในฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองวูลพิท ประเทศอังกฤษ ได้พบกับเด็กประหลาด 2 คน เป็นชายกับหญิงที่ไม่สามารถพูดอังกฤษได้ ทั้งคู่ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ ที่สำคัญ ทั้งคู่มีผิวหนังเป็นสีเขียว ทั้งคู่ถูกเก็บมาเลี้ยง แต่ไม่กี่วัน เด็กชายได้เสียชีวิตลง เหลือแต่เด็กหญิงที่ต้องค่อยๆ ปรับตัวและเรียนภาษาจนเมื่อเธอเริ่มสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เธออธิบายว่า เธอและพี่ชายมาจากสถานที่ๆ ไม่มีดวงอาทิตย์ ผู้คนที่นั่นมีผิวหนังสีเขียว และอาศัยอยู่ในดินแดนที่เหมือนเวลาพลบค่ำอยู่ตลอดเวลา มีข้อสันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจมาจากโลกใต้ดินที่พวกเราไม่รู้จัก

The Green Children of Woolpit
ภาพเด็กตัวเขียวแห่งวูลพิท – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ mybookofmysteries.blogspot.com

14.หนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก (The Voynich Manuscript)

นี่คือหนังสือที่ได้ชื่อว่าลึกลับที่สุดที่อยู่ในศตวรรษที่ 15 โดยไม่สามารถระบุที่มาของภาษาที่ใช้ได้ และมีการเข้ารหัสเอาไว้ ภายในเล่มหนังสือมีภาพประกอบและภาพวาดต่างๆ ที่ชวนเข้าใจยาก แต่จากการตีความ หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนคือ ส่วนของพฤกษศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา เภสัชศาสตร์ และสูตรต่างๆ รวมแล้วหลายร้อยหน้า

The Voynich Manuscript
ภาพเนื้อหาจากหนังสือ The Voynich Manuscript – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ daily.jstor.org

15.ชายปริศนาผู้เป็นศพ (Tamam Shud)

ในปี 1948 ที่ประเทศออสเตรเลีย มีการพบศพชายปริศนาคนหนึ่งขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดซอเมอร์เซ็ต หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นชายอายุราว 40-45 ปี สูงประมาณ 180 ซม. รูปร่างดี สวมเสื้อเชิตขาวกางเกงขายาว สวมถุงเท้าและรองเท้า แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใครและมาจากไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจก็คือข้อความที่เขียนอยู่บนกระดาษในกระเป๋าตังของเขาว่า “Tamam Shud” ถึงแม้ต่อมาจะมีการพบกระเป๋าเดินทางของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถพบหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงตัวเขาได้เลย มีเพียงกระดาษที่เชื่อมต่อกับคำปริศนา ที่มีแต่คำประหลาด ที่ไม่สามารถระบุได้เลยว่า เขาต้องการสื่อถึงอะไรกันแน่ จึงทำให้คดีนี้ เป็นคดีปริศนาที่ลึกลับที่สุดตลอดกาลของออสเตรเลีย

Tamam Shud
ภาพปริศานา “Tamam Shud” – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ science-rumors.com

เป็นยังไงกันบ้างละคะเพื่อนๆกับ 15 เรื่องลึกลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ เพื่อนๆคิดว่ายังมีเรื่องไหนอีก มาคอมเม้นพวกพวกเราได้เลยนะคะ สุดท้ายนี้ หากถูกใจคลิปของพวกเราอย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ