หายตัวไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าร์ 60 ปี แต่ออกมาอายุเท่าเดิม!?

มหาสมุทรเเอตเเลนติก เป็นมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มีพื้นที่ถึง 1/4 ของโลก เเละมีดินเเดนที่คนในอดีตเรียกว่า “ดินเเดนมรณะกลางทะเลกับปริศนาการหายสาบสูญ” หรือ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า”

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 จนถึงปี ค.ศ.1976 มีเรือและเครื่องบินหลายลำหายสาบสูญไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นจำนวน 143 ราย รวมชีวิตมนุษย์เท่าที่ทราบ จำนวน 2,101 คน นอกจากนี้ยังมีคนที่หลุดเข้าไปยัง สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา กว่า 60 ปี แต่กลับออกมามีอายุเท่าเดิมด้วย!

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาเขตที่สมมติขึ้นมาในมหาสมุทรแอตแลนติก ถ้าลากเส้นจากจุดสามจุดเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่จุดแรกที่มหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก ไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และเปอร์โตริโก เชื่อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตร บริเวณนี้เองที่มีการหายสาบสูญแบบผิดปกติเกิดขึ้นทั้งอากาศยาน และเรือเดินสมุทร ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณแนวชายฝั่งด้านใต้ โดยรอบหมู่เกาะบาฮามาสและช่องแคบฟลอริดา

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
แผนที่ตั้งสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ hilight.kapook.com

พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีเรือผ่านพื้นที่นี้เป็นประจำทุกวันมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และหมู่เกาะแคริบเบียน เรือสำราญที่ผ่านพื้นที่นี้ก็มีมากเช่นกัน เรือเที่ยวเองก็มักจะมุ่งหน้าไปและกลับระหว่างฟลอริดากับแคริบเบียนอยู่เป็นปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรทางอากาศอย่างหนาแน่น ทั้งอากาศยานพาณิชย์และส่วนตัว ซึ่งมุ่งหน้าไปยังฟลอริดา แคริบเบียน และทวีปอเมริกาใต้

จุดกำเนิดของเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 ปรากฎรายงานการหายสาบสูญอย่างผิดปกติในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างมากมาย เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง และเรือเดินสมุทรจำนวนนับไม่ถ้วน ชีวิตมนุษย์อีกนับพัน ได้หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอยใดๆ ไม่มีซากศพ ไม่มีเศษชิ้นส่วนใดๆ ของเรือหรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ภาพสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า – ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ kodkey.com

หลายประเทศที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียพยายามร่วมกันค้นคว้าหาคำตอบ แต่ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุการสูญหาย และวิธีทางป้องกันจากภัยลึกลับที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ การหายสาบสูญที่โด่งดังมากที่สุดจนทำให้ชาวอเมริกันต้องให้ความสนใจกับที่แห่งนี้ ก็คือ “การหายสาบสูญของฝูงบิน 19” ฝูงบินกองทัพเรือสหรัฐ ที่หายสาบสูญไปพร้อมกันทั้งฝูง ประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดทีบีเอ็ม อแวงเกอร์ห้าลำ ซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกบินพร้อมกับชีวิตนักบินและพลเรือนประจำเครื่องรวม 14 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1945 นิตยสารอเมริกันลีเจียน ฉบับประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 ตีพิมพ์ว่าก่อนการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้บังคับฝูงบินได้กล่าวว่า “เรากำลังเข้าสู่เขตน้ำขาว ไม่มีอะไรดูปกติเลย เราไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน น้ำทะเลเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีขาว” สอดคล้องกับลักษณะการหายสาบสูญของเครื่องบินส่วนใหญ่ ที่ส่วนมากก่อนจะขาดการติดต่อกับฐานปฏิบัติการ จะรายงานถึงสภาพทุกอย่างที่ปรกติ บรรยากาศ และทัศนวิสัย สงบแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุ หลังจากนั้นก็จะหายไปแบบฉับพลัน ไม่มีแม้แต่การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ SOS

บางครั้งที่ก่อนเครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวความผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการ ทุกรายงานแจ้งตรงกันว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องหมุนสะเปะสะปะไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองมองดูคล้ายหมอกหนาทึบ ทั้งๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน ท้องทะเลที่เงียบสงบกลับปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

เรื่องนี้อ้างอิงจากหนังสือแปลกรอบโลก หนังสือเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้หนังสือเล่มนั้นได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ อย่างที่ทราบกันดีว่า สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้ มีชื่อเสียงล่ำลือกันว่าเป็นสถานที่ลึกลับอาจจะที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะจากเหตุการณ์เครื่องบินตก และอยู่ดีดีเรือลำใหญ่อย่างเรือบรรทุกสินค้าก็หายไป สำหรับเรื่องที่ พวกเราจะทำให้ดูต่อไปนี้
ก็ยากที่จะบอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่เรื่องเล่าที่ผู้แต่งต้องการสร้างความน่ากลัวให้สถานที่แห่งนี้มากยิ่งขึ้นหรือไม่

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่เมืองไมอามี่ เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยต่างพากันขนลุกเป็นแถว เมื่อกัปตันเรือเช่าตกปลา เฟรด แอพพานี ได้พบกับชายคนหนึ่งในชุดประดาน้ำรุ่นเก่าที่กำลังลอยคออยู่กลางทะเลห่างจากฝั่ง ประมาณ 11 กิโล คงไม่ต้องบอกว่าลอยอยู่กลางทะเลแห่งใด น่านน้ำนอกฝั่งฟลอริดาออกไปนั่นคือริมขอบของพื้นที่ลึกลับ “สามเหลี่ยมมรณะเบอร์มิวด้า”

ว่ากันว่ากลางสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามีแหล่งน้ำวนขนาดใหญ่ที่มีแรงดูดมหาศาล แต่บ้างก็ว่าใต้ทะเลเบอร์มิวด้า เป็นที่ตั้งฐานลับของมนุษย์ต่างดาว ที่เดินทางมายังโลก เมื่อหลายพันปีก่อน กลับมาที่ชายที่สวมเสื้อนักประดาน้ำ อายุไม่เกิน 30 พูดจาวกวนไปมา สวมใส่ตีนกบขนาดใหญ่ จากที่ดูชุดแล้วน่าจะเป็นชุดของนักประดาน้ำเมื่อ 50-60 ปีก่อน กัปตันเฟรด ผู้ที่เจอหนุ่มรายนี้กล่าวว่า “เขาดูเหมือนคนหลงยุค หรือไม่ก็คนเสียสติ เขาบอกเพียงว่าเขาชื่อราล์ฟ บัวร์แลนด์ เป็นทหารเรือสหรัฐอเมริกา” จากนั้นทหารเรือราล์ฟก็ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหาร โดยทหารราล์ฟได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า
– “ผมและทีมต้องมาปฏิบัติการภารกิจลับ ตามคำสั่งประธานาธิบดี รูสเวลท์”

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ edition.cnn.com

และเมื่อมีการกล่าวอ้างถึง ประธานาธิบดีขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทันที และต้องตกใจเมื่อพบว่า มีเหตุการณ์การสั่งปฏิบัติภารกิจนี้อยู่จริง โดยเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1938 หรือเมื่อ 60 ปีก่อน ในตอนนั้นสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีชื่อ แฟรงคลิน เดลาโน่ รูสเวลท์ มีคำสั่งลับสุดยอดให้กองทัพเรือส่งทหารออกปฏิบัติการใต้ทะเล ยุทธการลับดังกล่าว มีคำสั่งให้มนุษย์กบ 12 นาย ทำการวางทุ่นระเบิดเพื่อป้องกันประเทศ 1 ในจำนวนมนุษย์กบก็มีชื่อ ราล์ฟ ธอมัส บัวร์แลนด์ รวมอยู่ด้วยซึ่งในขณะนั้น เขามีอายุ 24 ปี เหมือนตอนนี้จากเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า

1.นี่เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง : น่าจะเรื่องแต่ง เพราะตอนนี้ยังไม่พบสื่อที่น่าเชื่อถือเจ้าไหนมีข้อมูลในเรื่องข้างต้นที่เราได้อ่านไปเลย แต่โครงเรื่องน่าจะนำมาจากเรื่องจริงของ กลุ่มนักบิน Flight 19 ที่หายสาบสูญไปในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าร์ ที่ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 70 กว่าปี ก็ยังไม่พบแม้แต่ซากเลย

2.ถ้านี่คือเรื่องจริง แล้วเขาหายไปอยู่ในเบอร์มิวดาร์ได้ยังไง : มีความเป็นไปได้ว่า เบอร์มิวด้าร์ อาจจะเปรียบเสมือนเป็นหลุมดำ หรือรูหนอน ที่ทำให้สิ่งที่หลงเข้าไป จะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน และแม้แต่วิทยาศาสตร์ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้เลยว่า เวลาในรูหนอนกับเวลาในปัจจุบัน เดินเร็วหรือช้า เท่ากันหรือไม่

3.ถ้านี่คือเรื่องแต่ง ผู้แต่งเรื่องนี้ต้องการอะไร : ก็เพื่อเงิน นั่นแหละ ไม่น่ามีอะไรซับซ้อน แต่นี่อาจจะเป็นพล็อตในนิยายเล่มใหม่ที่ดันเอาไปปนกับหนังสืออีกเล่ม หรือบางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ใครจะรู้ ทะเลลึกลับจะตาย เพราะยังเหลือพื้นที่ใต้ทะเลอีกตั้ง 95% ที่มนุษย์ยังไม่ได้ทำการสำรวจเลย

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ กับเรื่องชายลึกลับที่หลุดเข้าไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า เพื่อนๆคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมา มาคอมเม้นพูดคุยกันได้นะคะ หากถูกใจอย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ