เนื่องจากจักรวาลของเรานั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ กาแล็กซี่ หลุมดำ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้หลายคนเชื่อว่า บางทีมนุษย์เราอาจไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวในจักรวาล แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่อาศัยหลบซ่อนอยู่บนดวงดาวต่างๆ อย่างที่เราเรียกกันว่า “เอเลี่ยน” หรือมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง ซึ่งความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด แต่จากการสำรวจดาวเคราะห์ดวงอื่น เราก็มักจะพบเห็นภาพถ่ายแปลกๆ ที่เหมือนถ่ายติดสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพหญิงชุดดำบนดาวอังคาร ภาพวัตถุที่คล้ายกับใบหน้ามนุษย์บนพื้นผิวดวงจันทร์ หรือแม้กระทั่งภาพวัตถุประหลาดคล้ายกระรอก ตอกย้ำให้หลายคนยิ่งเชื่อว่าเอเลี่ยนมีอยู่จริง เพียงแต่เรายังหาพวกมันไม่เจอเท่านั้น
และเพื่อให้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงได้เริ่มนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการวิเคราะห์รูปถ่ายจากอวกาศ โดยคาดหวังว่าไม่แน่บางทีเราอาจบังเอิญเจอภาพถ่ายเอเลี่ยนเข้าก็ได้ แต่ AI จะสามารถช่วยเราตรวจหาเอเลี่ยนได้จริงมั้ย หรือสุดท้ายแล้วพวกเราจะโดน AI หลอกกันแน่
ที่ผ่านมามีคนมากมายอ้างว่าเคยเห็นยูเอฟโอมาก่อน บ้างก็มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายวัตถุทรงกลม บินอยู่บนท้องฟ้า แต่ก็ยังไม่มีภาพถ่ายใบไหนที่ถูกพิสูจน์ได้ว่าเป็นยานของมนุษย์ต่างดาวจริงๆ ซึ่งนั่นอาจสรุปได้ว่าบางทีดวงตาของมนุษย์เราอาจจะไม่สามารถวิเคราะห์แยกแยะภาพถ่ายวัตถุจากนอกโลกได้ เพราะมนุษย์เราก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอคติ การรับรู้ของเราอาจเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งโดยที่เราเองก็ไม่รู้สึกตัว โดยเฉพาะเรื่องที่เราอยากเชื่ออยู่แล้ว อย่างเช่น เรื่องมนุษย์ต่างดาว เป็นต้น ดังนั้นเราจึงควรนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ เพื่อวิเคราะห์ภาพถ่ายที่ได้ให้แม่นยำยิ่งขึ้น
และก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายปี 2019 นาซ่าเองก็ได้เริ่มนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายและตรวจจับดาวเคราะห์ต่างๆ เพราะเหล่านักวิทยาศาตร์เชื่อกันว่า AI จะสามารถช่วยตรวจจับสิ่งที่ดวงตาของมนุษย์มองไม่เห็นได้ ทำให้ AI กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่อันถูกนำมาใช้พร้อมกับความคาดหวังที่ใหญ่ยิ่ง ว่ามันจะช่วยเราค้นพบมนุษย์ต่างดาวได้ในสักวันหนึ่ง
“เทคโนโลยีเหล่านี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่” เกียดา อาร์นี่ (Giada Arney) นักโหราศาสตร์ จากศูนย์การบินอวกาศก็อดดาร์ดของนาซ่า ในกรีนเบลต์ รัฐแมรี่แลนด์ กล่าว “เนื่องจากข้อมูลที่เราได้รับจากการสำรวจในอนาคตอาจมีจำนวนน้อยลงมากและมีสิ่งรบกวนเยอะขึ้น มันจึงเป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะนั่งวิเคราะห์และทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านั้นได้เองทั้งหมด ดังนั้นการใช้เครื่องมืออย่างปัญญาประดิษฐ์จึงจะมีส่วนช่วยพวกเราได้มาก”
การแถลงการณ์การของนาซ่าครั้งนั้นทำให้ทุกคนคาดหวังกันไปมากเลยทีเดียว ทว่าจากงานวิจัยชิ้นล่าสุดพบว่า บางที AI อาจจะไม่ได้ช่วยให้เราหาเอเลี่ยนเจอจริงๆ ก็ได้ อย่างในกรณีที่เคยตรวจพบแสงสว่างบนดาวซีเรส ดาวเคราะห์แคระที่อยู่บนแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี การค้นพบแสงสว่างนี้ทำให้เหล่านักล่าเอเลี่ยนต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ ว่าบางทีนี่อาจเป็นสัญญาณว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นบนดาวดวงนี้ก็ได้ แต่หลังจากที่นาซ่าได้ส่งยานสำรวจ ดอว์น เข้าไปเช็คบริเวณดังกล่าวดู ปรากฏว่าจริงๆ แล้วแสงสว่างนั้นเป็นแค่ผลจากการปะทุของภูเขาน้ำแข็งและเกลือเท่านั้น
ทว่าหลังจากนั้น เหล่านักวิทยาศาสตร์ก็เอารูปถ่ายดาวซีเรสกลับมาดู และพบสัญลักษณ์บางอย่างที่รูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมอยู่ด้านในสามเหลี่ยม ซึ่งสัญลักษณ์นี้มันไม่น่าจะเกิดเองขึ้นตามธรรมชาติ ผู้คนเลยคาดเดากันไปว่ามันต้องเป็นร่องรอยอารยธรรมที่มนุษย์ต่างดาวทิ้งไว้แน่ๆ !! แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล่านักวิทยาศาสตร์ลองเช็คภาพถ่ายดูอีกทีก็พบว่าจริงๆ แล้ว สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ความบังเอิญจากแสงและเงาที่ตกกระทบลงบนพื้นผิวของดาวซีเรสเท่านั้น
และเพื่อทดสอบว่า AI สามารถแยกแยะสัญลักษณ์ของเอเลี่ยนกับความบังเอิญได้จริงหรือไม่ เหล่านักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกาดิซ ประเทศสเปน จึงได้ทำการทดสอบ โดยให้อาสาสมัครจำนวน 163 คน ที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์เป็นพิเศษมาลองดูรูปสัญลักษณ์บนดาวซีเรส ก่อนจะถามว่ามีใครสังเกตเห็นอะไรผิดปกติมั้ย ปรากฏว่าอาสาสมัครหลายคนบอกว่าเห็นรูปสี่เหลี่ยมแปลกๆ ในภาพ
หลังจากนั้นทีมวิจัยก็ลองให้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายดังกล่าวดู ผลที่ได้คือ AI ก็ตรวจพบโครงสร้างนั้นและระบุว่ามันเป็นหลักฐานการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า AI เองก็ไม่สามารถแยกแยะความบังเอิญกับอารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวได้ดีไปกว่ามนุษย์เองสักเท่าไหร่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือมนุษย์เราเชื่อในความแม่นยำของ AI มาก ถ้า AI บอกว่าเจออารยธรรมของมนุษย์ต่างดาว ผู้ที่ใช้ AI เองก็อาจจะเชื่อไปตามนั้นด้วย
“ทั้งมนุษย์และ AI สามารถตรวจพบโครงสร้างสี่เหลี่ยมในรูปดาวซีเรสได้ แต่นอกจากรูปสี่เหลี่ยมแล้ว AI ยังเจอรูปสามเหลี่ยมด้วย” กาเบรียล จี เดอ ลา ทอร์เร (Gabriel G De la Torre) นักประสาทวิทยา หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าว “และพออาสาสมัครรู้ว่า AI เจอรูปสามเหลี่ยม เปอร์เซ็นต์ที่กลุ่มอาสาสมัครจะอ้างว่าตนเองก็เห็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนกัน ก็เยอะขึ้นตามไปด้วย”
สุดท้ายแล้วถึงแม้ปัญญาประดิษฐ์จะสามารถช่วยตรวจจับโครงสร้างที่มนุษย์มองไม่เห็นได้ แต่เราก็ต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าปัญญาประดิษฐ์เองก็ไม่ใช่เครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบ มันอาจจะมีข้อผิดพลาดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และทำให้เราเกิดความสับสนได้ ดังนั้นก่อนที่จะเชื่ออะไร เราจึงควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนทุกครั้งนะคะ แล้วท่านผู้ชมล่ะคะ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าใครชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ