ในปี 1902 เป็นยุคที่การจินตนาการบางเรื่องอาจจะเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน จนเกิดภาพยนตร์แนว Sci-Fi เรื่องแรกของโลก ซึ่งเป็นภาพยนตร์เงียบสัญชาติฝรั่งเศสที่ชื่อว่า A Trip to the Moon ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับจรวดของมนุษย์ได้เข้าชนกับดวงจันทร์ ซึ่งถือเป็นผลงานที่เหล่านักวิชาการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์ที่ต้องดูให้ได้ก่อนตาย
.
ถัดมาในอีกร้อยยี่สิบปีต่อมาตามวลีของนักปราชญ์ที่ว่า ‘ชีวิตมักจะเลียนแบบงานศิลปะ’ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีชิ้นส่วนของจรวดได้พุ่งเข้าชนดวงจันทร์ จนทำให้พื้นผิวของดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยหลุมและแอ่งมากอยู่แล้ว ได้มีแอ่งเพิ่มอีกหนึ่งแอ่ง วันนี้พวกเราชาว EduHub จะพาเพื่อน ๆ ไปชมเรื่องราวของการที่มีชิ้นส่วนจรวดพุ่งเข้ามาชนยังดวงจันทร์ แต่ก่อนจะไปฟังเรื่องราวสนุก ๆ ในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean แอพเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ
.
บิล เกรย์ ซึ่งติดตามวัตถุที่วงโคจรใกล้ดวงจันทร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้สังเกตเห็นชิ้นส่วนจรวดขนาด 3 ตันอยู่บนเส้นทาง ที่คาดว่าจะชนเข้ากับด้านไกลของดวงจันทร์ และจะพุ่งเข้าชนในวันที่ 4 มีนาคม ในเวลา 12:25 GMT และจะเป็นขยะอวกาศที่ขึ้นชื่อได้ว่า เป็นขยะกลุ่มแรกที่ตกลงสู่ดวงจันทร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยความเร็วประมาณ 3.3 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งควรจะสร้างผลกระทบต่อดวงจันทร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในตอนแรก นักดาราศาสตร์คิดว่ามันอาจเป็นของบริษัท SpaceX ของ Elon Musk หลังจากนั้น ก็คาดการณ์ว่าเป็นของจีน ซึ่งจีนก็ปฏิเสธ โดยกล่าวว่าเศษซากของ Chang’e-5 T1 ถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศของโลกไปแล้ว
.
ชิ้นส่วนจรวดนี้ถูกพบเห็นครั้งแรกจากพื้นโลกในเดือนมีนาคม 2015 โดยพบเห็นจากโครงการสำรวจอวกาศที่ได้รับทุนสนับสนุนจากนาซ่าในรัฐแอริโซนา แต่ผู้คนก็หมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าวัตถุดังกล่าวไม่ใช่ดาวเคราะห์น้อย ชิ้นส่วนจรวดหรือสิ่งที่เรียกว่า “ขยะอวกาศ” โดยเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ถูกทิ้งจากภารกิจหรือดาวเทียมโดยไม่มีเชื้อเพลิงหรือพลังงานเพียงพอที่จะกลับสู่โลก ชิ้นส่วนบางชิ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าอยู่เหนือพื้นโลก แต่ชิ้นส่วนอื่น ๆ เช่น บูสเตอร์นี้ อยู่ห่างจากวงโคจรสูงหลายพันกิโลเมตร ห่างไกลจากชั้นบรรยากาศของโลก
.
โดยองค์การอวกาศยุโรปประเมินว่า ในขณะนี้มีขยะอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 ซม. มากถึง 36,500 ชิ้น ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีโครงการอวกาศหรือมหาวิทยาลัยใดที่ติดตามขยะอวกาศในห้วงอวกาศอย่างเป็นทางการ เพราะการตรวจสอบนั้น ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงและความเสี่ยงต่อมนุษย์จากเศษซากมีความเสี่ยงที่ต่ำ ดังนั้นจึงตกเป็นหน้าที่ของนักดาราศาสตร์อาสาสมัครกลุ่มเล็ก ๆ ที่ใช้เวลาว่างในการคำนวณและประมาณการวงโคจร ด้วยการพวกเขาส่งอีเมลและแจ้งเตือนไปมา โดยขอให้ใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในโลกเพื่อค้นหาวัตถุในอวกาศ
.
หกสัปดาห์หลังการพบเห็นครั้งแรกโดยอาสาสมัคร นามว่า Peter Birtwhistle วัย 63 ปีที่กำลังเฝ้าดูดาวเคราะห์น้อยบนท้องฟ้าจากสวนของเขาใน Newbury ทางตอนใต้ของอังกฤษ กล้องโทรทรรศน์ของเขาจับจุดเล็ก ๆ ของการติดตามแสงบนท้องฟ้า ซึ่งการคำนวณชี้ให้เห็นว่า มันเป็นชิ้นส่วนของจรวด เขาบอกกับ BBC News ว่าขยะอวกาศมักจะเข้าและออกจากสายตาของเขาเสมอ ซึ่งวิถีโคจรมักจะคาดเดาไม่ได้ และเป็นเวลาเจ็ดปีที่เขาแทบจะไม่เห็นชิ้นส่วนจรวดชิ้นเดิมเลย จนกระทั่งในเดือนมกราคมชิ้นส่วนนี้มันปรากฏขึ้นอีกครั้ง
.
“ฉันได้เก็บภาพบางส่วนเมื่อมันเคลื่อนเข้าใกล้โลก” เขาอธิบาย เขาจึงส่งรูปภาพของเขาไปให้นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล บิล เกรย์ บนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้สนับสนุน SpaceX ที่มุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ คุณเกรย์อธิบายว่า “ตราสัญลักษณ์จรวดไม่สามารถมองเห็นได้ นักดาราศาสตร์ต้องประสานเอกลักษณ์ของมัน โดยการติดตามเส้นทางย้อนกลับผ่านอวกาศ จากนั้นจะจับคู่วงโคจรของมันกับวันที่และตำแหน่งของการปล่อยจรวดและวิถี แต่ภารกิจอวกาศบางภารกิจ รวมทั้งของจีน ไม่ได้เปิดเผยเส้นทางของพวกเขา
.
สำหรับภารกิจในจีน เราทราบวันเปิดตัวเพราะออกอากาศทางโทรทัศน์ ดังนั้นฉันจึงเดาว่ามันจะไปถึงดวงจันทร์ โดยปกติจะใช้เวลาสี่หรือห้าวัน จากนั้นเราจึงจะคำนวณวงโคจรโดยประมาณ” เขาตรวจสอบตัวเลขอีกครั้งและสรุปว่ามันเป็นจรวดระยะที่ 3 จากภารกิจทางจันทรคติของจีน Chang’e 5-T1 ซึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2014 ทางการจีนปฏิเสธเรื่องนี้ โดยกล่าวว่าชิ้นส่วนจรวดของพวกเขาได้กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกอีกครั้งและถูกไฟลุกไหม้ไปแล้ว แต่คุณเกรย์ยึดมั่นในคำทำนายของเขา เขาเชื่อว่าจีนได้ผสมผสานการติดตามจรวดสองส่วนเข้าด้วยกัน “ผมมั่นใจ 99.9% ว่าเป็น Chang’e 5-T1” เขากล่าว
.
ศาสตราจารน์ ฮิวจ์ เลวิสจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน กล่าวว่าคุณค่าทางวิทยาศาสตร์ของการติดตามขยะในห้วงอวกาศนั้นมีจำกัด แต่เขาบอกว่าสิ่งสำคัญคือต้อง “จับตาดูว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในอวกาศมีโอกาสมากขึ้น “มันเป็นความยุ่งเหยิงที่เราสร้างขึ้น วัตถุที่เราคิดว่าปลอดภัยสามารถกลับมายังโลกได้โดยไม่คาดคิด” เขากล่าว องค์การอวกาศยุโรปคิดว่าการชนที่เกิดขึ้นเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกำหนดนโยบาย ไม่ใช่แค่สำหรับพื้นที่รอบโลก แต่ยังรวมถึงดวงจันทร์ด้วย ต้องใช้สัญญาระหว่างประเทศเพื่อสร้างกฎระเบียบที่มีประสิทธิภาพ แต่ยุโรปสามารถเป็นผู้นำได้อย่างแน่นอน” Holger Krag หัวหน้าโครงการความปลอดภัยในอวกาศของหน่วยงานกล่าวในแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร
.
แช็คเคิลฟอร์ด เป็นกรรมการบริหารของ Ostrom Workshop ซึ่งเขาและเพื่อนร่วมงานของเขาคิดว่า พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาขยะอวกาศขนาดใหญ่ได้ โดยกระทรวงกลาโหมได้ติดตามวัตถุประดิษฐ์ประมาณ 27,000 ชิ้นที่อยู่ใกล้โลก ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 4 นิ้วขึ้นไป แต่ก็ไม่สามารถตรวจพบชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่าจำนวนมากได้ NASA ประเมินว่ามีวัตถุขนาดเท่าหินอ่อนประมาณ 500,000 ชิ้นที่ไม่ได้ตรวจสอบ
.
แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ เศษขยะขนาดเล็ก เช่น สกรูซูมที่ 15,700 ไมล์ต่อชั่วโมง อาจเป็นอันตรายต่อดาวเทียม ยานอวกาศ และนักบินอวกาศ พายุเศษซากล่าสุด เช่น เมื่อสถานีอวกาศนานาชาติต้องย้ายเพื่อหลีกเลี่ยงขยะจากดาวเทียมรัสเซียที่ถูกระเบิด กลุ่มของแช็คเคิลฟอร์ดเสร็จสิ้นขั้นตอนแรกในโครงการของพวกเขา ในการสร้างฐานข้อมูลของนักบินอวกาศนานาชาติกว่า 1,500 คน ซึ่งรวมถึงประเทศ สถาบัน และบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของหรือดำเนินการวัตถุในวงโคจร จากนั้นพวกเขาจะกำหนดว่าฝ่ายใดมีความกระตือรือร้นและมีอิทธิพลมากที่สุด จะทำให้สามารถติดต่อประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและบริษัทที่ต้องการแก้ไขปัญหาทางดาราศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
.
แช็คเคิลฟอร์ด กล่าวว่า “จากการพุ่งชนในครั้งนี้คนทั่วไปเข้าใจ แต่เรายังไม่เห็นความคิดเห็นเรื่องนี้เกี่ยวกับแง่ของการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม” ถ้าหากเรายังไม่เริ่มตระหนักถึงเรื่องขยะ ไม่ว่าจะบนพื้นโลกหรือภายในอวกาศที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น โลกของเราอาจจะใกล้เคียงกับภาพยนตร์แอนิเมชั่น หุ่นยนต์ Wall-E ที่ต้องใช้หุ่นยนต์ในเวลาหลายศตวรรษในการรวบรวมและเก็บขยะบนโลกเพื่อให้โลกกลับมาอยู่ได้เหมือนเดิม ซึ่งเราคงไม่อยากให้โลกของเราตกอยู่ในสภาพเดียวแบบในภาพยนตร์นั้นแน่นอน
.
สำหรับเรื่องราวสนุก ๆ ในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก chatBEE แอปหาคนรู้ใจ ใกล้คุณ โหลดเลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป