UFO หรือที่ย่อมาจาก Unidentified Flying Object แปลเป็นไทยว่า วัตถุบินไม่ระบุที่มา เรื่องราวเกี่ยวกับยูเอฟโอนี้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางเมื่อมีคนอ้างว่าตนเองเคยเห็นยูเอฟโอที่ว่านี้ถูกฟ้าผ่าในคืนฝนตกคืนหนึ่ง ซึ่งยานนั้นน่าจะเป็นพาหนะของสิ่งมีชีวิตนอกโลกก็ได้ หลังจากนั้นก็มีข่าวลือตามมาว่าเจ้าหน้าที่ได้พบวัตถุที่เป็นหลักฐานเกี่ยวกับยูเอฟโอ ยานบินที่มีเครื่องยนต์ครบ และมนุษย์ต่างดาว 3 ตน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ถูกไฟไหม้จนตายจากการถูกฟ้าผ่า
ในปี 1952 กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ตั้งโครงการชื่อบลูบุ๊คขึ้น โครงการนี้เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการศึกษายูเอฟโอโดยเฉพาะ ซึ่งหัวหน้าโครงการชื่อ ดร.เอ็ดเวิร์ด คอนดอน จะเป็นคนรวบรวมข้อมูลและเขียนรายงานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนี้ โดยรายงานที่เขาเขียนนั้นถูกตั้งชื่อให้ว่า “รายงานคอนดอน” ซึ่งตั้งตามชื่อของเขานั่นเอง ต่อมาโครงการนี้ถูกนำไปต่อยอดกลายเป็นโครงการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โปรเจ็คไซน์ (Project Sign) โครงการพอนซ์ (Project Pounce) โครงการทวินเกิล (Project Twinkle) และโครงการอื่นๆ ตลอดจนมีการก่อตั้งสมาคมยูเอฟโอขึ้นที่ประเทศอังกฤษด้วย
และจากรายงานเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวทั้งหมด ในนั้นมีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลที่ได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวเป็นครั้งแรก การปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นในกลางเดือนตุลาคม ปี 1961 คู่สามีภรรยา บาร์นีย์ และ เบตตี้ ฮิลล์ ที่เพิ่งกลับจากท่องเที่ยวในวันหยุด ได้ขับรถกลับไปยังบ้านของพวกเขาในเมืองนิวแฮมป์เชียร์ แต่ระหว่างนั้นทั้งสองก็ได้พบกับยานทรงกลมลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาหยุดรถและลงไปดู แต่หลังจากนั้นยานก็ปล่อยแสงประหลาดสีฟ้าออกมาใส่และดูดร่างของทั้งคู่ขึ้นไปบนยาน นั่นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ต่างดาวจับตัวมนุษย์เป็นๆ ไปศึกษาก่อนจะปล่อยกลับมายังโลกโดยไม่มีร่องรอยหรืออาการบาดเจ็บใดๆ เลย
และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าสนใจจากรายการทั้งหมดในบลูบุ๊ค นั่นก็คือกรณีมนุษย์ต่างดาวในไร่รอสเวลล์ กล่าวว่ามีมนุษย์ต่างดาว 3 ตนถูกจับได้จากไร่ดังกล่าว หนึ่งในนั้นเสียชีวิตไปแล้วและได้ถูกนำมาชันสูตรเพื่อตรวจสอบโครงสร้างในร่างกาย ซึ่งทีมแพทย์ก็พบว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นเคยถูกตัดต่อพันธุกรรมมา แต่ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงต้องตัดต่อพันธุกรรมตนเองด้วย? คำตอบคือมนุษย์ต่างดาวอาจพยายามทำตัวให้คล้ายคลึงกับมนุษย์โลกมากที่สุดก่อนจะเดินทางมายังโลก หรือไม่ก็อาจจะตัดต่อยีนส์ของมนุษย์กับตนเองเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถปรับตัวในสภาพแวดล้อมของโลกได้
เมื่อได้ศพของมนุษย์ต่างดาวมาผ่าพิสูจน์ดูแล้ว เราก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดจากข้อมูลที่ค้นพบเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
ประเภทที่ 1 เกรย์(Greys)
มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้จะมีหน้าตาคล้ายกับมนุษย์โลก แต่มีสีผิวตลอดจนสีของอวัยวะภายในเป็นสีเทาเข้มทั้งหมด เลือดของพวกมันจะเป็นสีเทาปนน้ำเงิน นักวิทยาศาตร์จึงตั้งชื่อให้มนุษย์ต่างดาวชนิดนี้ว่าเกรย์ตามลักษณะภายนอกที่เห็นได้ชัดของพวกมัน แต่มนุษย์ต่างดาวประเภทเกรย์ก็ยังสามารถแบ่งชนิดย่อยได้อีก ดังนี้
- มนุษย์ต่างดาว เกรย์ ชนิด A.
มนุษย์ต่างดาวจากดาวเซต้า เรติคูลิ หรือดาวเปอร์นาร์ด ในกลุ่มดาวโอไรออน ศีรษะของพวกมันจะมีขนาดใหญ่ ที่แก้มและร่างกายจะมีรอยด่างดำอยู่ประปราย ดวงตาโต ขอบตาดำ จมูกของพวกมันจะมีกลายแหลม และมีปากที่ไม่มีริมฝีปาก หน้าที่ส่วนใหญ่ของมันคือการสำรวจและปกป้องยานและอาณาจักรของตนเอง
- มนุษย์ต่างดาว เกรย์ ชนิด B.
มนุษย์ต่างดาวชนิดนี้จะมีลักษณะเด่นคือส่วนสูงที่มากกว่าปกติ โดยพวกมันจะสูงราวๆ 7-8 ฟุต อ้างอิงจากศพของมนุษย์ต่างดาวประเภทนี้ที่ถูกฝังอยู่ในพีระมิดแห่งหนึ่งในอียิปต์ แต่บางตัวก็อาจสูงได้ถึง 9-12 ฟุตเลยทีเดียว มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มาจากกลุ่มดาวโอไรออนเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับประเภทแรกแล้ว มนุษย์ต่างดาวชนิดนี้จะมีจมูกใหญ่ แต่ดวงตาเล็ก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่ามนุษย์ต่างดาวประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากการผสมพันธุ์ แต่เป็นการสร้างเซลล์เนื้อเยื่อขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ทำให้พวกมันสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมหรือเปลี่ยนแปลงร่างกายตนเองให้เป็นอะไรก็ได้
โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มักมองมนุษย์เหมือนกับที่เรามองสัตว์เลี้ยง เนื่องจากพวกมันมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า พวกมันจึงมองเราเป็นเหมือนสัตว์ที่ต้องการการควบคุมดูแล และพยายามครอบงำมนุษย์โดยการควบคุมผู้นำของชาติต่างๆ ให้ทำตามที่ตนเองกำหนดไว้ จากรายงานยังคาดการณ์ไว้ว่ามนุษย์ต่างดาวประเภทนี้น่าจะอยู่ในเกาะอลูเทียน และทางตะวัดออกของรัฐเซีย
- มนุษย์ต่างดาวเกรย์ ชนิด C.
ตรงกันข้ามกัยมนุษย์ต่างดาวชนิดบี มนุษย์ต่างดาวชนิดนี้จะมีรูปร่างเตี้ย โดยส่วนสูงของพวกมันจะอยู่ที่ราวๆ 3-3.5ฟุตเท่านั้น แต่มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้จะมีใจคอโหดเหี้ยม ชอบเข่นฆ่าและทำร้ายมนุษย์ คาดว่ามนุษย์ต่างดาวประเภทนี้น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ดาวเบลลาแทรกซ์ ในกลุ่มดาวโอไรออน
ประเภทที่ 2 เรพทิเลียน (Reptilians)
มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มีต้นกำเนิดมาจากดาวเซต้า เรติคูลิ โดยรูปร่างของมันจะเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ บางหลักฐานก็ว่ามันมีหัวคล้ายปลาหมึกและมีท่อนร่างเป็นคน แต่บางหลักฐานก็ว่ามันมีหัวเป็นมนุษย์ที่มีท่อนล่างเป็นสัตว์อย่างจระเข้ และถึงแม้ว่ามันจะมีรูปร่างภายนอกครึ่งหนึ่งเป็นสัตว์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะมีสติปัญญาโง่เขลา เพราะมนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มีเทคโยโลยีที่ล้ำหน้าถึงขีดสุด โดยเทคโนโลยีของมันล้ำหน้ากว่าโลกเราถึง 30 ล้านปี อีกทั้งมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์โลกอย่างยิ่ง เนื่องจากพวกมันมองมนุษย์เหมือนสัตว์เลี้ยง พวกมันสามารถทำอะไรกับเราก็ได้
จากหลักฐานพบว่ามนุษย์ต่างดาวประเภทนี้เคยมาเยือนโลกเมื่อราว 13,000 ปีก่อน พวกมันพยายามทำลายมนุษย์โดยการสร้างน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเหตุการณ์ของเรือโนอาห์ แต่หลังจากทำไม่สำเร็จ พวกมันส่วนหนึ่งก็กลับดาวของมันไป แต่ส่วนหนึ่งก็ยังคงอยู่บนโลก ความโลภของพวกมันนั้นเกินกว่ามนุษย์ ทำให้มันพัฒนาและอยู่เบื้องหลังผู้นำในหลายๆ ประเทศทั้งทางฝั่งตะวันตกและยุโรป
ประเภทที่ 3 นอร์ดิก (Nordics) แห่ง the Galactic Federation
ในบรรดามนุษย์ต่างดาวทั้งหมด มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้จะหน้าตาเหมือนมนุษย์โลกมากที่สุด ที่อยู่เดิมของมันมีได้ทั้งจากดาวอันโดรเมด้า (Andromedan) , อโพโลเนียน (Apollonian) , อาร์คทูเรียน (Arcturians) , มัลเดค (Maldeck) , โอไรออน (Orion) , เพลีเดี้ยนส์ (Pleiadians) ซีเรียน (Sirians) ซึ่งมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็สามารถแบ่งชนิดย่อยลงไปได้อีก ดังนี้
- สปีซีส์แรกคือ HUMAN TYPE A
เป็นมนุษย์ต่างดาวชาวเพลีเดี้ยนส์ จากดาวลูกไก่ มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้จะมีผมสีบลอนด์ ดวงตาโต สูงราวๆ 5-6 ฟุต พวกมันมีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด ดังนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เลยก็ว่าได้ แต่ถึงแม้จะคล้ายมนุษย์ แต่มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้ก็มีพลังพิเศษที่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป โดยพวกมันสามารถสื่อสารกันด้วยโทรจิต รวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกได้ พวกมันมีจิตใจที่สูงส่งกว่ามนุษย์ มีภารกิจคือการจัดการมนุษย์ต่างดาวประเภทครึ่งสัตว์ที่มีจิตใจต่ำช้า แต่ทั้งนี้มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้ก็อาจจะกลืนกินเผ่าพันธุ์มนุษย์และปกครองโลกแทนสักวันหนึ่งได้เช่นกัน เนื่องจากมนุษย์เราเองก็มีด้านที่เลวทรามเช่นเดียวกัน
- สปีซีส์ที่สอง HUMAN TYPE B
มนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับมนุษย์เช่นเดียวกับชนิดที่กล่าวไปข้างต้น แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า นักวิทยาศาสตร์คาดว่าพวกมันน่าจะมีหน้าที่ทำงานให้กับ The Galactic Federation เป็นหลัก
- สปีซีส์ที่สาม HUMAN TYPE C
รูปลักษณ์ภายนอกของมนุษย์ต่างดาวประเภทนี้จะหน้าตาเหมือนคนเอเชีย นั่นคือตัวเล็ก ผิวออกเหลือง โดยมนุษย์ต่างดาวประเภทนี้มักจะมีนิสัยโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้คนที่กำลังลำบาก แต่มักไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาให้เห็นมากนัก เนื่องจากไม่ต้องการเอาหน้า นักวิทยาศาสตร์คาดว่ามนุษย์ต่างดาวประเภทนี้น่าจะเป็นมิตรกับมนุษย์มากที่สุด โดยพวกมันได้ทำสงครามและพยายามขัดขวางการยึดครองโลกจากมนุษย์ต่างดาวประเภทอื่นๆ มาอย่างยาวนาน เพื่อช่วยเหลือมนุษย์
เป็นยังไงบ้างคะเพื่อนๆ มีความคิดเห็นกันยังไงบ้างเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวทั้ง 3 สายพันธุ์ ถ้าใครชอบบทความดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ