การขับเคลื่อนวงการแพทย์ด้วยเทคโนโลยี Metaverse

เมื่อโลกอนาคตมาเร็วกว่าที่เราคิด Metaverse ถือเป็นก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่ของโลกดิจิทัล ที่ทั่วโลกกำลังติดตามและหลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่กำลังเร่งพัฒนา metaverse ของตัวเอง เมื่อการที่ Mark Zuckerbergประกาศว่า Facebook จะรีแบรนด์ตัวเองใหม่ที่เรียกว่า “meta” ได้กระตุ้นความสนใจในทันทีเกี่ยวกับความเป็นไปได้ถึงโลกเสมือนจริง และอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมกับวงการแพทย์ วันนี้พวกเราชาว eduHUB จะพาเพื่อนๆไปพบการการขับเคลื่อนวงการแพทย์เข้ากับMetaverse ในการรักษาผู้ป่วยในโลกเสมือนจริง แต่ก่อนที่จะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean แอพเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ
.

Metaverse เรียกได้ว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของโลกดิจิทัล ได้รับการขนานนามว่าเป็นโดเมนอินเทอร์เน็ตที่อวตารที่แทนตัวตนของเราในโลกความจริง จะสามารถทำปฏิกิริยาโต้ตอบได้แทบทุกประเภท ตั้งแต่การช็อปปิ้ง การเล่นเกม ไปจนถึงการเดินทาง อยู่ภายในโลกเสมือน ตั้งแต่ที่ Facebook ซึ่งปัจจุบันคือMeta Platformsได้เข้าซื้อกิจการ Oculus และเทคโนโลยีชุดหูฟัง VR ในปี 2014 ด้วยมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 66 พันล้านบาท) แอพพลิเคชั่นด้านการดูแลสุขภาพจำนวนมากจึงได้รับการพัฒนา
.

ล่าสุดคือการร่วมมือกับ Facebook Reality Labs และ Nexus Studios และ WHO Academy หน่วยงาน R&D ขององค์กรได้ออกแบบแอพการเรียนรู้บนมือถือสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต่อสู้กับ Covid-19 ทั่วโลก โดยใช้ AR ในหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อจำลองเทคนิคที่ถูกต้องและลำดับในการสวมและถอดอุปกรณ์ป้องกันสำหรับบุคลากรผ่านมือถือสมาร์ทโฟน มีบริการให้ถึง 7 ภาษา แอปนี้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลก
.

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในแวดวงของวงการแพทย์ในหลายๆด้านเริ่มที่จะประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเข้ามาใช้ในการรักษามานานแล้ว โดยเริ่มที่จิตแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการบำบัดความกลัว Prolonged Exposure Therapy เพื่อให้ได้เผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง ผ่านทางโลกเสมือนจริงเพื่อจัดการกับความกลัว ตัวอย่างเช่น การกลัวความสูง กลัวที่แคบ หรือแม้กระทั่งการกลัวสัตว์ต่างๆ การบำบัดจะเริ่มด้วยการพาคนไข้ไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองกลัวในโลกเสมือนจริง
.

โดยจะให้คนไข้ใช้เวลาอยู่ในแต่ละสถานการณ์ตามความต้องการเพื่อรักษาความวิตกกังวล เช่นคนที่กลัวความสูง ก็จะให้สวมแว่นตา VR ซึ่งจะทำให้เห็นภาพตัวเองกำลังยืนอยู่บนสะพานหรือระเบียง โดยจะมีนักบำบัดคอยควบคุมดูแลอยู่ผ่านหน้าจอพร้อมทั้งคอยให้คำแนะนำตามความเหมาะสม การรักษานี้จะสามารถช่วยลดความเครียดวิตกกังวลได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านั้นจริงๆ
.

และในปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่จิตแพทย์เท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยีนี้ เพราะเทคโนโลยีโลกเสมือนนี้กำลังถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนการผ่าตัดของเหล่าแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ใช้ระบบซอฟต์แวร์ใหม่ที่รวมภาพจาก MRIs, CT scan และ angiograms เพื่อสร้างแบบจำลองสามมิติที่เมื่อสวม VR แพทย์และผู้ป่วยสามารถมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการผ่าตัด ปรับแต่งได้เหมือนกับกำลังเล่นเกมในโลกเสมือนจริง ระบบ VR สร้างขึ้นโดย Surgical Theater ที่เพิ่งเริ่มต้นในโคโลราโด ช่วยศัลยแพทย์ในการวางแผนการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้น และให้ความรู้แก่ผู้ป่วย
.

นอกจากนี้ยังช่วยศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัด และนำทางพวกเขาผ่านโลกเสมือน ต่อมาเทคโนโลยี Oculus ถูกนำมาใช้ที่ UConn Health ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตในฟาร์มิงตัน รัฐคอนเนตทิคัต เพื่อฝึกอบรมผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ นักการศึกษาได้ร่วมมือกับ PrecisionOS ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ทางการแพทย์ของแคนาดาที่ให้บริการการฝึกอบรม VR และศึกษาด้านศัลยกรรมกระดูก เมื่อสวมชุดหูฟัง Oculus Quest ผู้อยู่สวมสามารถเห็นภาพสามมิติในการดำเนินการตามขั้นตอนการผ่าตัดต่างๆ เช่น การปักหมุดที่กระดูกหัก เนื่องจากขั้นตอนดำเนินการแบบเสมือนจริง ระบบจะช่วยให้นักเรียนสามารถทำผิดพลาดและรับข้อเสนอแนะจากคณาจารย์เพื่อนำไปใช้ในการทดลองครั้งต่อไป
.

การใช้งานจริงของเทคโนโลยีทางการแพทย์ AR ได้มีศัลยแพทย์ประสาทของ Johns Hopkins ได้ทำการผ่าตัด AR ให้กับผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกของสถาบันในเดือนมิถุนายน ในระหว่างขั้นตอนแรก แพทย์ได้ใส่สกรูหกตัวในกระดูกสันหลังของผู้ป่วยในระหว่างการหลอมรวมกระดูกสันหลัง สองวันต่อมา ทีมศัลยแพทย์แยกกันเอาเนื้องอกมะเร็งออกจากกระดูกสันหลังของผู้ป่วย ทั้งสองทีมสวมชุดหูฟังที่ผลิตโดยบริษัท Augmedics ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอิสราเอล ซึ่งติดตั้งจอตาซีทรูที่ฉายภาพกายวิภาคภายในของผู้ป่วย เช่น กระดูกและเนื้อเยื่ออื่นๆ โดยอิงจากการสแกน CT Timothy Witham, MD, ผู้อำนวยการ Johns Hopkins Neurosurgery Spinal Fusion Laboratory กล่าวว่า ”มันเหมือนกับการมีเครื่องนำทาง GPS ต่อหน้าต่อตาคุณ
.

ในเดือนมีนาคม Microsoft เอง ก็ได้เปิดตัว Mesh ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม MR ที่ขับเคลื่อนโดยบริการคลาวด์ Azure ซึ่งช่วยให้ผู้คนจากสถานที่ต่างๆ สามารถเข้าร่วมประสบการณ์สามมิติแบบโฮโลแกรมบนอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง HoloLens2 ชุดหูฟัง VR สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซี  ได้โพสต์ในบล็อกว่า “บริษัทจินตนาการถึงอวตารของนักศึกษาแพทย์ เรียนรู้เกี่ยวกับกายวิภาคของมนุษย์ รวมตัวกันรอบๆ แบบจำลองโฮโลแกรม และลอกกล้ามเนื้อเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใต้กล้ามเนื้อนั่น” Microsoft มองเห็นโอกาสมากมายสำหรับเทคโนโลยี MR ของตน และในเดือนมีนาคมได้ทำสัญญากับกองทัพสหรัฐฯ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อใช้กับทหาร
.

ในขณะที่ Metaverse ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับบริษัทซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ สถาบันการศึกษา และพัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนาอื่นๆ เทคโนโลยี Virtual Reality ก็กำลังช่วยชีวิตในโรงพยาบาลทั่วโลกในปัจจุบัน และจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Metaverse ในการประยุกต์ใช้ในแวดวงทางการแพทย์ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เราเชื่อว่าอีกไม่นานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการแพทย์อย่างแน่นอน สำหรับเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้หากคุณกำลังมองหาแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ ต้องนี่เลย BEEclean แอปเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ