นักเดินทางข้ามเวลามีอยู่จริง!?

เมื่อ 300 กว่าปีก่อน ตอนที่วิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญก้าวหน้า เราเชื่อกันว่าเวลานั้นเป็นสิ่งที่เป็นแก่นสารในตัวมันเอง กล่าวคือไม่จำเป็นต้องนำไปเทียบเคียงกับสิ่งอื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป อัลเบิร์จ ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงก้องโลกก็ได้คิดค้นทฤษฎหนึ่งขึ้นมา เรียกว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพ ทฤษฎีนี้ขัดแย้งกับความเชื่อที่มีมาแต่เดิม โดยการบอกว่าเวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีแก่นสารในตนเอง ถ้าหากเราไม่เอาเวลาไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น เวลาก็ไม่มีจริง ดังนั้นเวลาจึงไม่ใช่แกนหลังของเหตุการฯ์ต่างๆ เพียงแต่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์นั้น ทำให้ทุกเหตุการณ์จะมีจุดที่ตั้งเวลาเป็นของตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ยังชี้ให้เห็นอีกว่านอกจากมิติทั้ง 3 ที่ประกอบด้วย ความกว้าง ความยาว ความสูง แล้ว จักรวาลนี้ยังประกอบไปด้วยมิติปริภูมิและเวลา (Space-Time) อีกด้วย

ในทฤษฎีเรื่องปริภูมิและเวลายังกล่าวอีกด้วยว่าทุกเหตุการณ์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตล้วนเป็นความจริงเท่าเทียมกันและตั้งอยู่บนเส้นปริภูมิเวลาเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละจุดกันเท่านั้น และยิ่งเราเดินทางด้วยความเร็วที่เข้าใกล้แสงมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเดินทางข้ามมิติของเวลาได้มากเท่านั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถ้าเราทำได้ เราอาจสามารถเดินทางข้ามไปยังอดีตหรืออนาคตได้ แต่มันจะเป็นไปได้จริงมั้ย วันนี้พวกเราจึงขอนำเสนอเรื่องราวของบุคคล 10 คนที่อ้างว่าตนเองสามารถเดินทางข้ามเวลาได้

10. เอ็ดเวิร์ด ชายผู้นำรูปของ LA จากปี 5000 กลับมา

ชายที่ชื่อเอ็ดเวิร์ดคนนี้อ้างว่าตนเองเป็นวิศวกร และมีโอกาสได้เข้าร่วมกับโครงการลับสุดยอดของรัฐบาลในปีค.ศ. 2004 และในการทดลองนี้เขาก็ได้เดินทางข้ามเวลาไปยังปี 5000 ในลอสแองเจลลิส เอ็ดเวิร์ดเล่าว่าในอนาคต น้ำแข็งขั้วโลกได้ละลายลงมาหมด ทำให้น้ำท่วมโลก ผู้คนต้องสร้างบ้านบนแผ่นไม้ขนาดใหญ่ที่ลอยน้ำได้ ซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็อ้างว่าตัวเขาเองได้ถ่ายรูปกลับมาเป็นหลักฐานด้วย ไม่ว่าหลักฐานนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ เอ็ดเวิร์ดก็ยืนยันว่าแม้กระทั่งในตอนนี้รัฐบาลก็ยังคงแอบดำเนินการโครงการนี้แบบลับๆ อยู่ อีกทั้งยังคงใช้งบประมาณไปอย่างมหาศาลด้วย

9. จอห์น ผู้เดินทางมาจากปี 4000 เพราะปัญหา AI

ชายผู้เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังไม่ใช่คนในยุคปัจจุบันที่เดินทางไปยังอนาคตเหมือนในเรื่องแรก แต่เขาเป็นคนที่อ้างตัวว่ามาจากยุคอนาคตและเดินทางย้อนกลับมายังอดีตแทน ชายคนนี้มีชื่อว่าจอห์น โดยเขาอ้างว่าเขามีชีวิตอยู่ในปี 4000 เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทรถยนต์ชื่อ Zucar ในยุคนั้นยานพาหนะทั้งหมดจะบินบนฟ้า ทำให้นกสูญพันธุ์ไป อีกทั้งเทคโนโลยีจะก้าวหน้ามากจนหุ่นยนต์ทำงานทั้งหมดแทนมนุษย์ แต่เนื่องจากความผิดพลาดของ AI ที่เริ่มพัฒนามากจนก่อให้เกิดปัญหาต่อมนุษยชาติ จอห์นจึงถูกส่งกลับมาในอดีต โดยเขาได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายเครื่องจักรที่มีแขนเหมือนแมงมุมกลับมาให้ดูด้วย

8. คลาร่า ผู้เดินทางข้ามเวลาจากปี 3780

หญิงสาวนามว่าคลาร่าคนนี้อ้างว่าเธอได้มีส่วนร่วมในการทดลองลับสุดยอดของกองทัพสหรัฐในปี 2000 โดยในโครงการนี้เธอถูกส่งไปยังโลกอนาคตในปี 3780 เธอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการข้ามเวลาในตอนนั้นมันเหมือนว่ายลงไปในน้ำลึกประมาณสองเมตร และในปี 2018 เธอก็ได้ออกมาเปิดเผยความลับนี้แก่สาธารณะ แถมยังบอกอีกด้วยว่าตอนนี้ทางกองทัพสหรัฐก็ยังคงใช้เทคโนโลยีข้ามเวลานี้อยู่

7. นักเดินทางข้ามเวลาแห่งกรีก

เราได้ฟังเรื่องของการเดินทางข้ามเวลาของกองทัพสหรัฐไปแล้ว แต่นอกจากสหรัฐแล้ว ประเทศกรีกเองก็เคยมีคนเดินทางข้ามเวลาไปแล้วด้วย ในเดือนธันวาคม ปี 2017 ชายนิรนามคนหนึ่งได้กล่าวอ้างว่าตนเองได้เข้าร่วมกับการทดลองลับของกองทัพกรีกและได้เดินทางไปยังอนาคตในปี 3207 เขาได้ใช้เวลาในอนาคตรวมทั้งสิ้น 2 วันก่อนจะเดินทางกลับมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้มากนัก ซึ่งเรื่องราวนี้คล้ายกับเรื่องของชายชาวกรีกคนหนึ่งที่อ้างว่าตนเองเคยเดินทางไปยังอนาคตมาแล้วเช่นกัน แต่ในกรณีนั้นชายคนนั้นได้เดินทางไปในปี 10000 และได้ถ่ายรูปกลับมาเป็นหลักฐานด้วย

6. วิลเลี่ยม เทย์เลอร์

ชายผู้นี้อ้างว่า เขาเคยเข้าร่วมโครงการลับของหน่วยข่าวกรองอังกฤษในปี 2018 ซึ่งการทดลองข้ามเวลานี้ รัฐบาลได้พยายามดำเนินการมานานแล้วตั้งแต่ปี 1981 เนื่องจากรัฐบาลสามารถเก็บกู้ซากยานยูเอฟโอของมนุษย์ต่างดาวมาได้ รัฐบาลจึงได้แอบนำเทคโนโลยีของมันมาใช้อย่างลับๆ และเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เขาได้เดินทางไปยังอนาคต ซึ่งปีที่เขาไปคือปี 8973 ในยุคนั้นวิลเลี่ยมกล่าวว่ามนุษย์และเครื่องจักรจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ออกมาเป็นลูกผสมระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ นอกจากนี้วิลเลี่ยมยังบอกว่าเขาได้ถ่ายรูปกลับมาเป็นหลักฐานด้วย แต่รูปถ่ายใบนั้นถูกหน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรยึดไป เนื่องจากไม่ต้องการให้เอาเรื่องนี้ไปแพร่งพราย แต่วิลเลี่ยมยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่าในปี 2028 ความจริงเรื่องเทคโนโลยีข้ามเวลานี้จะถูกเปิดเผย ซึ่งเราก็ต้องมาคอยดูกันว่ามันจะเป็นความจริงหรือเปล่า

5. โนอาห์ โนวัค เดินทางไปยังอนาคตและอดีต

สองชายหนุ่มชื่อโนอาห์และโนวัค ได้กล่าวอ้างว่าพวกเขาเคยเดินทางไปในอดีตช่วงปี 2018 และเดินทางไปยังอนาคตในปี 2030-2070 ด้วย โนวัคกล่าวว่าในช่วงเวลานั้นเขาได้เจอตัวเขาเองที่มีแก่ขึ้น 40 ปี และทั้งสองก็ได้ทำนายเกี่ยวกับอนาคตไว้หลายเรื่อง อย่างเช่น ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่สองในปี 2020 และหนึ่งปีหลังจากนั้นเทคโนโลยี AI จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายไปทั่วโลก รวมไปถึงเทคโนโลยีด้านอวกาศจะทำให้เราส่งคนขึ้นไปบนดาวอังคารสำเร็จในปี 2028

4. เอเลี่ยนที่เดินทางข้ามเวลาจากปี 6491 และติดค้างอยู่ที่โลก

ในบรรดาเรื่องราวข้ามเวลาทั้งหมด เรื่องราวของชายคนนี้อาจเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดก็ได้ ชายผู้นี้มีชื่อว่าเจมส์ โอลิเวอร์ และเขาก็ได้อ้างตัวว่ามาจากโลกอนาคตในปี 6491 แต่เท่านั้นยังไม่พอ เขายังบอกว่าสถานที่ที่เขาเดินทางจากมานั้นไม่ใช่โลก แต่เป็นดวงดาวในระบบสุริยะที่ห่างไกลออกไป โดยเขาได้เดินทางมาที่โลกเพื่อทำภารกิจบางอย่าง ทว่าในระหว่างที่เดินทางมานั้นก็เกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีน้ำเงินขึ้น ซึ่งปรากฏการณ์นั้นทำให้ยานของเขาขัดข้องและส่งเขาข้ามเวลามายังปัจจุบัน เขากล่าวว่าเขาติดอยู่บนโลกในยุคนี้โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะสามารถเดินทางกลับไปยังที่ที่เขาจากมาได้มั้ย

3. ชาวจอร์เจียผู้เดินทางไปยังปี 9428

ชายชาวจอร์เจียผู้ไม่ประสงค์ออกนามนี้อ้างว่า เขาได้เดินทางข้ามเวลาจากปี 1987 ไปยังปี9428 ซึ่งในยุคนั้นจอร์เจียกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และเขาก็ได้เข้าร่วมกับการทดลองลับของสหภาพโซเวียตที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างยาที่จะเปลี่ยนคนให้มีพลังเหนือมนุษย์ ซึ่งยาจะถูกนำไปใช้เป็นอาวุธชนิดใหม่ที่การทหาร และเมื่อเขารู้ความลับในเรื่องนี้ เขาก็รีบเดินทางย้อนกลับไปในยุคของตนเองและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานของเขา

2. เดวิสผู้นำอาหารจากปี 2200 กลับมา

ในขณะที่ผู้เดินทางข้ามเวลาส่วนใหญ่จะนำรูปถ่ายมาเป็นหลักฐานในการเดินทาง แต่ชายที่มีชื่อว่าเดวิสนี้กลับนำอาหารกลับมา! เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปี 2018 โดยเดวิสได้เดินทางข้ามเวลาไปยังปี 2000 และนำอาหารเม็ดชนิดหนึ่งกลับมา เขากล่าวอ้างว่า เพียงแค่คนในอนาคตกินอาหารเม็ดเล็กๆ นี้ก็ทำให้พวกเขามีพลังงานเพียงพอที่จะใช้ไปทั้งสัปดาห์ ซึ่งรัฐบาลได้สร้างอาหารชนิดพิเศษนี้ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนอาหาร โดยจะแจกจ่ายอาหารชนิดนี้ให้ประชาชนเดือนละ 1 ครึ่ง นอกจากนี้เดวิสยังเล่าอีกด้วยว่า ในยุคนั้นคนทั่วไปมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 200 ปี เพราะเทคโลโนยีการแพทย์พัฒนามากจนสามารถรักษาโลกได้ทุกชนิดรวมถึงมะเร็งด้วย ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ได้พบตัวเขาเองที่มีอายุถึง 103 ปีแล้ว และทุกคนก็ใช้ชีวิตร่วมกับเอเลี่ยนบนโลก ในขณะที่คนส่วนหนึ่งบนโลกก็ย้ายขึ้นไปอยู่บนดาวอังคารด้วย

1. ชายขี้เมาที่มาเตือนเรื่องการรุกรานของเอเลี่ยน

ชายขี้เมาคนนี้กล่าวว่า เขาเดินทางมาจากในอนาคตเพื่อมาเตือนทุกคนเรื่องการบุกโจมตีของเอเลี่ยนในปี 2018 โดยตอนแรกเขาตั้งใจจะกลับมาในปี 2017 แต่เนื่องจากเอเลี่ยนได้แทรกแซงการเดินทางของเขา ทำให้เขาเดินทางมาตกในปี 2018 แทน แถมการเดินทางนี้ยังทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเขาสูงขึ้น ทำให้เขาเมาทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มด้วย ซึ่งชายคนนี้ก็ได้บอกให้ทุกคนรีบอพยพหนีไปให้เร็วที่สุดก่อนที่มนุษย์ต่างดาวจะมา ซึ่งภายหลังเขาก็โดนจับในข้อหาเมาในที่สาธารณะ

เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ กับเรื่งการเดินทางข้ามเวลา เพื่อนๆเชื่อเรื่องนี้กันหรือไม่ ถ้าใครชอบบทความสาระดีดีอย่างนี้ ก็อย่าลืมกดติดตามและกดกระดิ่งช่อง eduHUB กันด้วยนะคะ