กฎหมาย ป้องกันการฟอกเงินด้วย Bitcoin จากไต้หวัน

หากพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง Bitcoin นั้น เพื่อนๆก็คงจะรู้ว่าข้อดีของมันคือการที่ไม่ต้องใช้เอกสารในการที่จะเปิดบัญชี ไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนใดๆทั้งสิ้น จุดนี้ถึงแม้จะเป็นข้อดีของ Bitcoin แต่ก็มีคนเริ่มตั้งคำถามถึงเรื่อง Bitcoin สามารถตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินได้ จึงเกิดการออกกฎหมายใหม่ในไต้หวันขึ้นมา
.

วันนี้พวกเราชาว eduHUB จะพาเพื่อนๆไปพบกับกฎหมายใหม่ที่ทางไต้หวันเตรียมออกมาเพื่อป้องกันการฟอกเงินด้วย Bitcoin เพื่อที่หวังจะเป็นประเทศสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพคริปโตภายในอนาคต แต่ก่อนที่จะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean แอพเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ
.

ก่อนเราจะไปดูเรื่องกฎหมายใหม่ของไต้หวัน เรามาดูเหตุผลกันก่อนว่าทำไมคนถึงคิดว่าสามารถฟอกเงินด้วย Bitcoin ได้ เพราะ Bitcoin ขั้นตอนในการเปิดบัญชีนั้นไม่จำเป็นจะต้องใช้เอกสารใด แตกต่างจากการเปิดบัญชีธนาคารทั่วไปที่ต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อทำการยืนยีนตัวตน จึงทำให้ Bitcoinสามารถตกเป็นเครื่องมือในการฟอกเงินได้
.

และถึงแม้ Bitcoin จะมีระบบเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความปลอดภัยในการใช้งานอย่าง Blockchain ที่สมารถทำให้เราตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ ว่าเราโอนจากบัญชีไหนไปบัญชีไหน แต่เราก็จะไม่สามารทราบได้อยู่ดีว่าบัญชีนั้นเป็นของใคร มันจึงสามารถเป็นเครื่องมือชั้นยอดในการฟอกเงิน
.

จึงทำให้รัฐบาลไต้หวันได้เห็นความสำคัญและเข้มงวดกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น เพื่อหวังจะต่อต้านการฟอกเงินในการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลนี้ในไต้หวัน เพื่อให้ความชัดเจนและความเชื่อมั่นที่จะทำให้ไต้หวันเป็นจุดศูนย์กลางในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพคริปโตภายในอนาคต
.

ทางไต้หวันได้ประกาศว่ากฎหมายใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม ในปี 2021 นี้ โดยคณะกรรมการกำกับการดูแลทางการเงินของไต้หวันอย่าง FSC จะกำหนดให้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และแพลตฟอร์มอื่นๆที่ทำการขายโทเค็น ให้อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมการฟอกเงิน มีชื่อย่อว่า MLCA  และธุรกรรมใดที่มีการดำเนินการเป็นเงินสดมูลค่ามากกว่าห้าแสนเหรียญไต้หวัน จะต้องรายงานและปฏิบัติตามข้อกำหนดของ KYC หรือกระบวนการยืนยันตัวตนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
.

ซึ่งหน่วยงานบริหารสูงสุดของไต้หวันถึงกับประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนว่า แพลตฟอร์มการซื้อขายและการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลโดยจะเรียกว่าแพลตฟอร์มสกุลเงินเสมือน จะต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของ MLCA เท่านั้น เรียกได้ว่านี่เป็นโอกาสสำหรับไต้หวันหลังจากการประสบความสำเร็จในการจัดการการระบาดของโควิด-19 ที่จะสามารถดึงดูดผู้สนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพระบบคริปโตเข้ามาในไต้หวันมากยิ่งขึ้น
.

และกฎหมายใหม่นี้ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการดำเนินงานของตลาดหุ้นในไต้หวันอีกด้วย เนื่องจากตลาดมีการป้องกันการฟอกเงินที่ดีอยู่แล้ว นี่จึงเรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมโยงระบบสกุลเงินดิจิทัลเข้ากับหน่วยงานด้านอาชญากรรมและการสืบสวน จึงทำให้ผู้ใช้ในไต้หวันสามารถทำธุรกรรมอย่างมั้นใจมากขึ้นไปอีก
.

เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า แล้วประเทศอื่นล่ะ เมื่อไม่มีกฎหมายอย่างไต้หวันจะเกิดการฟอกเงินในระบบสกุลเงินดิจิทัลไหม เมื่อต้นปี 2018 มีรายงานว่าอัตราการฟอกเงินภายใน Bitcoin นับเป็น 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นถ้านับจากจำนวนธุรกรรมทั้งหมด และยังมีเหตุการณ์อีกหลายครั้งที่ทำให้เห็นว่ามีคนตั้งใจจะใช้ช่องทางนี้ในการฟอกเงิน แต่ก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาต่างๆทางกฎหมายไปได้
.

และประเทศอื่นๆได้เริ่มที่จะจัดตั้งหน่วยงานที่ใช้ในการตรวจสอบ Cryptocurrency หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ถึงอย่างนั้นทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เพื่อนๆควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้งที่จะตัดสินใจในการลงทุน แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้หากคุณกำลังมองหาแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ ต้องนี่เลย BEEclean แอปเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ