ปฏิเสธเลยไม่ได้ว่าในปัจจุบันเงินดิจิตอลกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางของนักลงทุ่นไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ที่ทำให้วงการเงินนั้นสั่นสะเทือนด้วยความผันผวนและการขึ้นลงของราคา ในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มให้การยอมรับเงินดิจิตัล หรือ คริปโตเคอเรนซี ในหลายที่ คริปโตเคอเรนซี มีมูลค่าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้ที่สนใจที่จะมาลงทุนมากเช่นกัน โดยเฉพาะลงทุนกับบิทคอยส์ ซึ่งเป็น คริปโตเคอเรนซี ที่ผู้คนให้ความสนใจและรู้จักกันทั่วโลก
ประเทศไทยเองก็ไม่น้อยหน้า เพราะพยายามจะพัฒนาการเงินและการลงทุนในรูปแบบดิจิตอลนี้ขึ้นมาให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ โดยใช้ชื่อโปรเจ็คนี้ว่า อินทนนท์ โปรเจ็คอินทนนท์หรือเงินบาทดิจิตอลนั้นจะเป็นอย่างไร วันนี้พวกเรา eduHUB จะพาเพื่อนๆไปรับชมกัน แต่ก่อนที่จะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean
.
แม้ว่าเงินดิจิตอลจะได้รับความนิยมมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามธนาคารกลางในบางประเทศยังไม่ยอมรับคริปโตเคอเรนซี ว่ามันเองก็คือเงินสกุลหนึ่งที่ไม่ได้มีธนบัตรและไม่มีเหรียญออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน บางประเทศยังไม่สามารถนำมาใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
.
แต่นั่นก็เกิดเพียงแค่บางประเทศเท่านั้น เพราะอีกหลายประเทศที่เริ่มยอมรับและปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยในโลกดิจิตอล จนเกิดมาเป็นสกุลเงินดิจิตอลหลายๆประเทศกำลังศึกษาและพัฒนา เช่น ประเทศจีน ยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี แคนาดา สวีเดน
.
ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญและกำลังศึกษาทดลองการใช้สกุลเงินดิจิตอลอยู่ ในชื่อโปรเจ็คอินทนนท์ โปรเจ็คอินทนนท์เป็นสกุลเงินดิจิตอลจากธนาคารกลาง จะต่างจากเอกชนดังเช่นบิทคอยส์ที่คนส่วนใหญ่ใช้เก็งกำไร โปรเจคอินทนนท์ได้เร่ิมขึ้นจากความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันการเงินทั้ง 8 แหล่งในประเทศไทย
.
โดยใช้บริษัท R3 เป็นผู้นำเทคโนโลยี DLT หรือ Distributed Ledger Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการเงิน ซึ่งทางโปรเจ็คอินทนนท์ก็ได้นำเทคโนโลยี DLT นี้มาใช้ในระบบโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงิน ซึ่งยังอยู่ในช่วงทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้งานกับระบบที่ใช้ชำระเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือสามารถใช้ชำระเงินข้ามประเทศเพื่อลดตัวกลางต่างๆลง และสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
.
สกุลเงินดิจิตอลที่มาจากโปรเจ็คอินทนนท์ ยังไม่ได้มีชื่อว่า อินทนนท์ คำว่าอินทนนท์เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกโปรเจ็คเพียงเท่านั้น หากจะดูถึงแนวโน้มของสกุลเงินบาทดิจิตอลภายใต้โปรเจ็คอินทนนท์ในอนาคตว่าน่าซื้อเก็บมาลงทุนเหมือนกับบิทคอยส์หรือสกุลเงินดิจิตอลเอกชนอื่นๆหรือไม่
.
ก็คงต้องอธิบายว่า เงินบาทดิจิตอล มันก็คือเงินบาท คือเงินที่มีสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และภายใต้สกุลเงินยังมีทุนสำรองเพื่อความแน่นอนของตัวเงิน สามารถใช้เป็นตัวกลางสำหรับการแลกเปลี่บนได้ แต่หากจะนำมาใช้ในการลงทุนหรือเก็งกำไรอย่างเช่นบิทคอยส์ ก็น่าจะไม่ทำให้เกิดกำไรอะไร เพราะสมมติว่าเรามีเงิน 1,000 ในอนาคตมันก็คือเงิน 1,000 บาทไม่มีทางที่กำไรจะขึ้นและสามารถจำหน่ายธนบัตร 1,000 บาท ให้กลายเป็น 1,500 บาทได้
.
แต่เราก็ยังไม่ทราบว่าในอนาคตเงินบาทดิจิตอลจะมีแนวโน้มไปอย่างไร เพราะหากมีการแก้ไขกฎหมายให้รองรับการใช้งานในรูปแบบสกุลเงินดิจิตอลมากยิ่งขึ้น แนวโน้มการเก็งกำไรของเงินบาทดิจิตอลก็อาจจะมีทิศทางที่ดีขึ้น การปรับตัวสำหรับประชาชนคนไทยเข้าสู่ระบบการเงินดิจิตอลนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้พยายามพัฒนาแนวทางนี้มาแล้วเป็นเวลาเกือบ 3 ปี
.
เราก็ต้องมารอลุ้นกันว่า เงินบาทดิจิตอลของเรานั้นจะสามารถขึ้นแท่นเป็นสิ่งที่นักลงทุนสนใจหรือไม่ และในอนาคตมันจะสามารถทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน เราคงต้องมาลุ้นกัน ซึ่งคาดว่าอีกไม่น่าเกินปีสองปี เราน่าจะได้เห็นเงินบาทดิจิตอลบนโลกการลงทุนอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องราวสนุกๆเกี่ยวกับเงินบาทดิจิตอลในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะจากกันไปในวันนี้หากคุณกำลังมองหาแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ ต้องนี่เลย BEEclean แอปเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ