ก่อนหน้านี้ พวกเรา eduHUB เคยรายงานข่าวเกี่ยวกับการรีทวีตมุกตลกของอีลอน มัสก์ พร้อมกับติดแฮชแท็ก #bitcoin และอีโมติคอนอกหัก ที่ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาอย่างน่าใจหายไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีลอน มัสก์ทวีตอะไรบางอย่างแล้วส่งผลต่อราคาบิตคอยน์แบบนี้
.
เพราะอย่างก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีพ.ศ.2564 อีลอน มัสก์ก็เคยติด #bitcoin ในหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาสั้นๆ หรืออีกข้อความหนึ่งที่อีลอน มักส์ทวีตว่า เขาจะไม่ให้ซื้อรถยนต์เทสลา (Telsa) ที่อีลอน มัสก์เป็น CEO อยู่ด้วยเงินบิตคอยน์แล้ว เพราะเงินสกุลนี้มันทำลายสิ่งแวดล้อม ก็ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงไปอยู่ที่ 49,696 ดอลลาร์ ลดลงไป 13.2% จนเรียกได้ว่าเขาเป็นนักปั่นแห่งวงการบิตคอยน์เลยก็ว่าได้
.
แต่ทำไมการทวีตข้อความแค่ข้อความเดียวของอีลอน มัสก์ ถึงส่งผลต่อราคาบิตคอยน์ขนาดนั้น?
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าแรกเริ่มเดิมทีอีลอน มัสก์ มักใช้ทวิตเตอร์ในการพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลมาตลอด ทำให้เขามีฐานแฟนคลับที่สนใจในเรื่องนี้ แล้วเมื่ออีลอน มัสก์ทวีตว่าบิตคอยน์น่าสนใจ คนเลยแห่ไปซื้อบิตคอยน์กันเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าเมื่ออีลอน มัสก์มีท่าทีว่าจะเลิกใช้บิตคอยน์ โดยการทวีตอีโมติคอนรูปอกหัก ก็ยิ่งทำให้คนที่ติดตามอยู่รีบขายบิตคอยน์ทิ้งจนราคาตกตามไปด้วย
.
เพราะการเล่นบิตคอยน์ก็เป็นการเก็งกำไรอย่างหนึ่ง ถ้าหากเราซื้อมาตอนราคาถูกและขายไปตอนราคาเพิ่มขึ้นสูง เราก็จะได้กำไร ดังนั้นการศึกษาข้อมูลและคาดการณ์ว่าราคาของบิตคอยน์จะขึ้นหรือลงจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก แล้วอีลอน มัสก์ก็ดันเป็นคนที่มีผู้ติดตามเยอะมากเสียด้วย ทำให้การทวีตแค่ข้อความสั้นๆ (ที่อาจจะเป็นข้อความปั่นด้วยซ้ำ) ก็สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้
.
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าราคาของบิตคอยน์จะลดลงถึง 30% ในเดือนนี้ แต่มูลค่าของมันก็ยังสูงกว่าปีที่แล้วถึง 300% ดังนั้นการลดลงของราคาบิตคอยน์ในตอนนี้อาจเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของตลาดบิตคอยน์ทั้งหมด อีกทั้งทวีตของอีลอน มัสก์ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ใช้ตัดสินทุกอย่าง เพราะก่อนที่อีลอน มัสก์จะทวีตอีโมติคอนอกหัก ราคาของบิตคอยน์ก็ค่อยๆ ตกลงมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ดังนั้นการคาดการณ์ว่าราคาของบิตคอยน์จะขึ้นหรือลงนั้น ควรจะพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยควบคู่ด้วยจะดีกว่า