สร้างแบตเตอรี่จากเพชรและนิวเคลียร์

“เพชร” เป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีราคาแพงที่สุด คนเราจึงนิยมนำมาทำเป็นแหวนหรือเครื่องประดับให้กันในวันแต่งงานหรือโอกาสพิเศษ แต่เพื่อนๆ รู้รึเปล่าว่านอกจากจะทำเป็นเครื่องประดับได้แล้ว เพชรยังสามารถนำมาทำเป็น “แบตเตอรี่” ที่ให้พลังงานได้ด้วย แต่จะทำได้ยังไงนั้น เราจะมาเฉลยกันในบทความนี้ค่ะ
.

ไอเดียการนำเพชรมาทำเป็นแบตเตอรี่นี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยบริษัทนาโน ไดมอนด์ แบตเตอรี่ (Nano Diamond Battery – NDB) ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น (เทคโนโลยีรักษ์โลกนั่นเอง) โดยบริษัทนี้ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
.

บริษัทนี้นับเป็นบริษัทน้องใหม่ไฟแรงที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน และจุดขายแรกของเขาคือการสร้างแบตเตอร์ที่มีส่วนผสมของเพชรและกากนิวเคลียร์ขึ้นมา โดยพวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า “ไดมอนด์ นิวเคลียร์ วอลเทอิค” (Diamond Nuclear Voltaic) หรือเรียกย่อๆ ว่า ดีเอ็นวี (DNV) แปลเป็นไทยแบบตรงตัวว่า “แบตเตอรี่พลังงานเพชรและนิวเคลียร์” นั่นเอง
.

อันที่จริงหลักการของแบตเตอรี่นี้ก็คล้ายกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั่วไป แต่ตามปกติแล้วเครื่องปฏิกรณ์จะใช้กราไฟท์เป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งอายุการใช้งานของมันก็ไม่ยาวนานนัก ดังนั้นทีมวิจัยจึงพยายามหาวัสดุอื่นที่เป็นธาตุคาร์บอนใกล้เคียงกับการาไฟท์มาใช้แทน และในที่สุดจึงเกิดเป็นการนำเพชรมาใช้ขึ้น
.

พวกเขาจะใช้เพชรที่มีขนาดเล็กจิ๋วระดับนาโนมาเป็นสื่อกลางนำความร้อนออกจากกากนิวเคลียร์ และด้วยความทนทานของเพชร ทำให้สามารถใช้เป็นตัวนำความร้อนได้ดีและทนทาน หลังจากนั้นเราจึงสามารถนำความร้อนที่ได้มาทำเป็นพลังงานไฟฟ้าอีกทอดนึง ซึ่งถ้าหากการคำนวนของพวกเขาถูกต้อง เราจะสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แค่ก้อนเดียวได้นานสูงสุดเกือบสามหมื่นปีเลยทีเดียว
.

ถ้าหากการสร้างแบตเตอรี่เพชรและนิวเคลียร์นี้เป็นไปได้ด้วยดี ทางบริษัทก็คาดว่าน่าจะทำออกจำหน่ายได้ในปีค.ศ. 2023 ซึ่งมันก็สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างๆ หรือแม้แต่ยานอวกาศก็ยังได้ เพราะการเดินทางขึ้นอวกาศแต่ละครั้งก็จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ถ้าหากเราได้แบตเตอรี่นี้มาใช้ เราก็อาจจะเดินทางขึ้นอวกาศได้ไกลขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อเพลิงอีกต่อไป
.

แต่ถึงอย่างนั้น แบตเตอรี่เพชรนี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่ เนื่องจากส่วนประกอบของมันคือเพชร ทำให้ราคาของมันอาจจะสูงเกินกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะเอื้อมถึง แถมตอนนี้ก็ยังไม่มีการทดลองความปลอดภัยด้วยว่าแบตเตอรี่ที่มีพลังงานมหาศาลขนาดนี้มันจะปลอดภัยกับมนุษย์แค่ไหน และเราจะมั่นใจได้ยังไงว่ารังสีจากกากนิวเคลียร์ด้านในมันจะไม่รั่วออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว
.

มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่ทางบริษัทก็กำลังมุ่งมั่นพัฒนาแบตเตอรี่นี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่วันหนึ่งพวกเขาอาจจะสามารถลบข้อบกพร่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้ มนุษย์เราทุกคนจะได้มีพลังงานไว้ใช้อย่างไม่จำกัดเสียที แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง คอมเม้นต์เข้ามาพูดคุยกันได้นะคะ และก่อนจากไปวันนี้ อย่าลืมกดไลก์และกดติดตามช่องยูทูป eduHUB ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆ ของพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

สนับสนุนโดย BEEclean แอปเรียกแม่บ้าน สำหรับคุณ ดาวโหลดได้แล้ววันนี้ ทั้ง ios เเละ android