ส่ง DNA เสือไปเก็บในอวกาศ

ในภาวะที่ไร้ออกซิเจนและแรงโน้มถ่วงต่ำอย่างห้วงอวกาศนั้น ใช่ว่ามันจะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว เพราะว่าสภาวะแวดล้อมแบบนั้นเหมาะสมที่จะจัดเก็บสารชีวโมเลกุลต่างๆได้อย่างดี และดีกว่าบนชั้นบรรยากาศบนพื้นโลกเสียอีก
.

และในเร็วๆนี้ จีนก็ได้นำ DNA ของเสือโคร่งหายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ขึ้นไปฝากไว้บนห้วงอวกาศ เพราะคาดหวังว่า มันจะทำให้สารชีวโมเลกุลเกล่านั้นมีอายุอยู่อย่างยาวนานและไม่สร้างความเสียหายต่อโมเลกุล เรื่องราวการนำ DNA ไปฝากบนอวกาศจะเป็นอย่างไร วันนี้พวกเรา eduHUB มีข่าวสารจะมาฝากเพื่อนๆกัน แต่ก่อนที่จะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean แอพเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ
.

ในโลกของเรานั้นเมื่อก่อนมีสิ่งมีชีวิตมากมาย ที่เรียกได้ว่าโลกเป็นดาวเคราะห์ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในโลก เนื่องด้วยความเจริญเติบโตของอารยธรรมมนุษย์ และความเจริญรุ่งเรืองของยุคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกบางชนิดที่ไม่สามารถปรับตัวอยู่ได้เริ่มทยอยตายและจะสูญพันธุ์ไปในที่สุด
.

ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างเช่น ช้างแมมมอธ ซึ่งเป็นสัตว์ในยุคน้ำเเข็ง อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาว แต่เนื่องด้วยมนุษย์มีการล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารและนำส่วนต่างๆมาเป็นเครื่องนุ่มห่มหรืออุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มันเริ่มมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ 
.

รวมไปถึงสภาพอากาศของโลกที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ที่อยู่ของช้างแมมมอธเริ่มลดน้อยลง ภูเขาน้ำเเข็งต่างๆเริ่มละลาย และทำให้มันที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว และยังไม่สามารถปรับตัวได้ในสภาวะที่ร้อนขึ้นจึงทำให้มันสูญพันธุ์ไปในที่สุด สัตว์ที่สูญพันธ์ตอนนี้ทั่วโลกมีมากมาย
.

และสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ก็มีมากมายเช่นกัน แต่ละประเทศนั้นจึงพยายามตั้งกฎหมายเพื่อคุ้มครองสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และพยายามจะดูแลสัตว์เหล่านั้นให้ดีที่สุด ประเทศจีนก็เช่นกัน ประเทศจีนมีเสือโคร่งอยู่สายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งเป็นสายพันธุ์โบราณ และเป็นสายพันธุ์ประจำถิ่นของประเทศจีน
.

ซึ่งเสือโคร่งสายพันธุ์นี้เป็นบรรพบุรุษของเสือโคร่งสายพันธุ์อื่นๆในประเทศอีกด้วย ในปัจจุบันเสือโคร่งสายพันธุ์นี้ไม่มีในธรรมชาติแล้ว มีแต่ในสวนสัตว์ที่ทางประเทศจีนนั้นเอามาดูแล หนึ่งในสวนสัตว์เหล่านั้นคือสวนสัตว์กวางโจว ซึ่งมีเสือโคร่งสายพันธุ์ที่ว่านี้ ซึ่งมันมีชื่อว่า เจ้าคังคัง
.

คังคังเป็นเสือโคร่งเพศผู้ ซึ่งทางการจีนได้เล็งเห็นว่าเสือโคร่งสายพันธุ์นี้มีจำนวนลดลงมากแล้วเเละสมควรที่จะเก็บ DNA เอาไว้เพื่ออนุรักษ์ และนำมาขยายพันธุ์ได้ในอนาคต จึงได้ดำเนินการเก็บ DNA จากเจ้าคังคังเอาไว้
.

ในการเก็บ DNA ของเจ้าคังคังในครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บไว้ในรูปแบบแห้ง บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่แน่นหนาซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี ป้องกันความร้อน และป้องกันการสั่นสะเทือน โดยจีนได้นำ DNA นี้ ขึ้นไปเก็บบนอวกาศ เพราะว่าในอวกาศนั้นมีอุณหภูมิที่ต่ำ และมีสภาวะสูญญากาศ อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหมือนกับการเก็บไว้บนพื้นโลก
.

ซึ่งในสภาวะบนอวกาศนั้นเอง จากการวิจัยได้ระบุว่ามันมีความเหมาะสมที่จะเก็บ DNA เอาไว้ได้ ซึ่งในอนาคต อวกาศอาจจะเป็นที่จัดเก็บ DNA สำรองของโลกเลยก็ว่าได้ การนำ DNA ของคังคังขึ้นไปยังอวกาศในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเทคโนโลยีอวกาศอู่จิ้นจือเหมิน เมืองเซินเจิ้น และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีการส่งจรวดจีน
.

โดยการใช้จรวดลองมาช 11 พา DNA ของคังคัง ขึ้นไปฝากไว้บนอวกาศ เหนือพื้นโลก 1,000 กิโลเมตร จากศูนย์ส่งดาวเทียมจิ่วฉวนที่เป็นฐานปล่อยยานอวกาศและเป็นสถานที่ทดลองด้านเทคโนโลยีอวกาศของประเทศจีนที่มณฑลกานซู การนำ DNA ของสัตว์ใกล้จะสูญพันธุ์ของประเทศจีนไปเก็บไว้บนอวกาศนับว่าเป็นไอเดียที่ดีที่จะฝากสารชีวโมเลกุลของสิ่งมีชีวิตบนโลกไว้บนอวกาศที่มีสภาวะเหมาะสมกับการเก็บมากกว่าพื้นโลก
.

เมื่อฟังเรื่องราวเหล่านี้ก็ดูจะคล้ายๆกับการทดลองของประเทศไทย ที่นำโปรตีนไปปลูกถ่ายบนอวกาศ ในสถานีอวกาศนานาชาติ และพบว่า สภาวะแวดล้อมบนอวกาศนั้นเหมาะสมกับการทดลองและการทำปฏิกิริยาของสารชีวโมเลกุลมากกว่าบนโลก
.

หากการเก็บ DNA ของจีนในครั้งนี้สำเร็จเหมือนกับการปลูกถ่ายโปรตีนของไทย ก็จะเป็นการตอกย้ำว่า บนอวกาศนั้น อาจมีประโยชน์ สามารถเป็นสถานที่ในการจัดเก็บสารชีวโมเลกุลอื่นๆที่จำเป็น เพื่อใช้ในการทดลองในอนาคตได้ สำหรับเรื่องราวการนำ DNA ของเสือโคร่งคังคัง ไปไว้บนอวกาศก็มีเพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะจากกันไป หากคุณกำลังมองหาแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ใช่ไหม ถ้าใช่ ต้องนี่เลย BEEclean แอปเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ