ดาวเทียมใหม่มองเห็นภาพทะลุตึก

เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ดวงตาเทพ” จากภาพยนตร์ชื่อดัง เรื่องการเจาะข้อมูลด้วยการมองเห็นภาพทั่วทุกมุมโลก แต่ใครจะไปรู้ว่าในวันนี้โลกแห่งความเป็นจริงจะมีคนประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้นมาได้ และนี่ คือ แคปเปล่าทู (Capella2) ดาวเทียมดวงใหญ่ของค่ายแคปเปล่า สเปซ ที่ได้สร้างดาวเทียมที่มองเห็นทะลุตึกบนโลกได้
.

และวันนี้ พวกเรา eduHUB จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับดาวเทียมตาเทพอันนี้ว่ามันมีความสามารถยังไงบ้าง แต่ก่อนจะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดี BEEclean แอพเรียกแม่บ้านสำหรับคุณ
.

บริษัทแคปเปล่าสเปซได้ผลิตดาวเทียมดวงใหม่ที่มีความสามารถเหลือล้นในการเจาะภาพ 3มิติ ที่สามารถมองทะลุตึกบางตึกได้เลยทีเดียว โดยดาวเทียมดวงนี้มีชื่อว่า  แคปเปล่าทู (Capella2)  กลไกการทำงานของดาวเทียมดวงนี้คือวิศวกรได้ออกแบบระบบออกมาให้มันทำงานภายใต้ระบบของเรดาร์รูรับแสงสังเคราะห์ ที่เรียกว่า SAR
.

ซึ่งระบบ SAR นั้นเป็นระบบถ่ายภาพที่มีความละเอียดที่สูงมากๆ โดยการทำงานของ SAR ที่มีอยู่บนแคปเปล่าทูนั้นจะทำงานโดยการส่งสัญญาณวิทยุมายังพื้นโลก เหมือนกับการค้นหาตำแหน่งเสียงสะท้อนของค้างคาว ปลาโลมา และเรือดำน้ำ เพื่อที่จะสร้างเป็นภาพออกมาเป็น 3 มิติ
.

โดยข้อดีของการส่งสัญญาณวิทยุนั้นคือจะไม่เจออุปสรรคเรื่องสภาพอากาศและท้องฟ้า หรือไม่ต้องสนใจแม้กระทั่งว่าจะถ่ายภาพในเวลากลางวันหรือกลางคืน รวมกระทั่งสัญญาณวิทยุแบบนี้สามารถมองทะลุไปยังกำแพงของตึกบางตึกอีกด้วย เพราะสัญญาณนั้นสามารถทะลุผ่านตึกต่างๆได้เลย
.

เมื่อสัญญาณส่งมายังโลกแล้ว มันจะเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งสัญญาณกลับมาที่ดาวเทียมเพื่อประมวลภาพออกมาให้เราสามารถมองเห็นโลกได้ชัดยิ่งขึ้น ภาพที่ได้ออกมาจะระบบ SAR นั้นจะมีความคมชัดที่ทะลุทะลวงเข้าไปในสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทำให้ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าหากนำมาใช้งานจริงๆมันจะมีปัญหาเรื่องกฎหมายหรือสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า
.

อย่างไรก็ตามบริษัทแคปเปล่าสเปซเชื่อว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีนี้ย่อมต้องเป็นที่ต้องการแน่นอนในอนาคต เพราะมันมีประโยชน์ในการติดตามบุคคล ที่อาจใช้งานของการรักษาความปลอดภัย หรือใช้สอดส่องในงานทหาร การป้องกันภัยพิบัติ หรืองานต่างๆที่ต้องการใช้ภาพจากดาวเทียมที่คมชัดและทะลุทะลวง
.

ผู้ที่นำระบบ SAR มาสู่ดาวเทียมดวงนี้คือ Payam Banazadeh ซึ่งเขาเคยทำงานเป็นวิศวกรในห้องปฏิบัติการของนาซ่ามาก่อน ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า “ระดับความถี่ของ SAR ที่ใช้ 9.65 GHz นั้น สามารถทะลุเมฆออกมาได้ เสมือนว่าเมฆนั้นโปร่งใส และนอกจากเมฆ ยังสามารถทะลุหมอกควัน และอากาศที่ขมุกขมัวได้
.

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่อุปสรรคในการถ่ายภาพอีกต่อไป” และเขายังได้บอกอีกว่าสัญญาณของระบบนี้สามารถใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเสมือนกับมีการใช้ไฟฉายไปพร้อมๆกับการเก็บข้อมูล”
.

ดาวเทียมแคปเปล่าทูได้ถูกส่งขึ้นไปปฏิบัติงานในปี 2020 โดยใช้จรวดของ SpaceX Falcon 9 ในการนำแคปเปล่าทูเข้าสู่วงโคจร และทางบริษัทแคปเปล่าสเปซมีแผนที่จะส่งแคปเปล่าทูขึ้นไปอีก 12 ดวงในปี  2021 นี้ เพื่อที่จะขึ้นไปเก็บข้อมูลให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น
.

ซึ่งข้อดีของแคปเปล่าทูนั้นนอกจากการเก็บภาพที่ทะลุทะลวงได้ทั่วโลกแล้วมันยังส่งข้อมูลด้วยความรวดเร็ว โดยมันใช้เวลาเพียงแค่ 90 นาที ซึ่งความคมชัดและความทะลุทะลวงของดาวเทียมดวงนี้ย่อมเป็นประโยชน์ต่อโลกอย่างแน่นอนในการช่วยเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ถึงสภานการภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการเตือนภัยในสภาพอากาศที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์
.

นอกจากนี้ข้อมูลยังใช้ในเรื่องของความมั่นคงได้อีกด้วย เอาเป็นว่า ดวงตาเทพในภาพยนตร์นั้น วันนี้มันมีจริงแล้วและมันได้ถูกส่งขึ้นไปเพื่อใช้งานจริงแล้ว ในอนาคตดาวเทียมจะต้องมีการพัฒนามากกว่านี้อีกอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจรู้ถึงทุกข้อมูลคามเป็นไปของโลกใบนี้ได้อย่างในภาพยนตร์ที่ได้ใช้ในการติดตามผู้ร้ายหรืออาชญากรได้
.

แล้วเพื่อนๆละคะคิดว่าดวงตาเทพหรือแคปเปล่าทูนี้มีประโยชน์อย่างไร แล้วถ้าเพื่อนๆได้มีโอกาสใช้มัน เพื่อนๆจะใช้มันในการสำรวจอะไร มาคอมเมนท์พูดคุยกันนะคะ สำหรับเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ ก็มีเพียงเท่านี้ ก่อนจะจากกันไป ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก Chatbee แอพหาคนรู้ใจใกล้คุณ โหลดเลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป