ไม่รู้ว่าเพื่อนๆได้ยินข่าวการค้นพบวัตถุลึกลับที่กำลังจะพุ่งตรงมายังโลกของเรา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020 ซึ่งมันอยู่ในระยะที่ใกล้โลกมากๆ ทำให้ทุกคนอาจจะกำลังวิตกกังวลว่าถ้าวัตถุลึกลับนี้พุ่งชนโลกของเราแล้ว มันจะสร้างความเสียหายให้กับโลกเหมือนในภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่เราเคยได้รับชมกันมาหรือเปล่า
.
แต่เมื่อถึงเวลาที่หลายคนคาดเดาว่าวัตถุลึกลับนี้จะเข้ามาชนโลก เจ้าวัตถุลึกลับนี้กลับเพียงแค่เฉียดโลกไปเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของเราที่มันไม่สร้างความเสียหายอะไรให้กับโลกของเรา
.
วันนี้พวกเรา eduHUB ก็เลยจะพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยกันว่าเจ้าวัตถุลึกลับนี่จะเป็นดาวเคราะห์น้อย หรือเป็นอะไรกันแน่ ไปไขข้อสงสัยไปพร้อมกับพวกเรากัน
.
แต่ก่อนจะไปรับฟังเรื่องราวสนุกๆในวันนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก Chatbee แอพหาคนรู้ใจใกล้คุณ โหลดเลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
.
และแล้วโลกของเราก็มีเรื่องราวให้เราได้ตื่นเต้นส่งท้ายปี 2020 กันอีกแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบวัตถุลึกลับที่กำลังพุ่งตรงเข้ามายังโลกของเราเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020
.
โดยเจ้าวัตถุลึกลับนี้ถูกนักดาราศาสตร์เรียกว่า 2020 SO การที่มันเข้ามาใกล้โลกแบบนี้อาจทำให้หลายคนกังวลว่ามันอาจจะเข้ามาชนโลกของเราหรือไม่
.
แต่อย่างไรก็ตามถึงมันจะเข้ามาใกล้โลกมากๆ แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระยะที่ปลอดภัย เพราะมันอยู่ห่างจากโลกของเราด้วยระยะทาประมาณ 31,605 ไมล์
.
2020 SO ได้ถูกค้นพบจากการสำรวจของกล้องแพนสตาร์ส ที่ตั้งอยู่ในรัฐฮาวายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนักดาราศาสตร์เขาเชื่อกันว่ามันน่าจะเป็นดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดประมาณ 15-33 ฟุต
.
นอกเหนือไปจากนั้นนักดาราศาสตร์ยังพบอีกว่าเจ้า 2020 SO มีวงโครจรที่แปลกกว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ทั่วไป และมันยังมีขนาดที่เล็กจึงทำให้สังเกตการณ์ได้ยาก
.
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าจากศูนย์ศึกษาวัตถุใกล้โลก หรือที่เรียกว่า CNEOS จึงได้เริ่มตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาว่า 2020 SO มันอาจจะไม่ใช่ดาวเคราะห์น้อยหรือวัตถุทางธรรมชาติอย่างที่ใครหลายๆคนคิดไว้ตอนแรก แต่พวกเขากลับเชื่อว่ามันอาจจะเป็นชิ้นส่วนของจรวดเซนทอร์
.
ซึ่งพอล โชดาส ผู้อำนวยการของ CNEOS เชื่อว่ามันน่าจะเป็นชิ้นส่วนของจรวดเซนทอร์ จากภารกิจสำรวจดวงจันทร์ของนาซ่า ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1966
.
โดยโชดาสเขาได้ทำการคำนวณเพื่อติดตามวงโครจรของเจ้า 2020 SO ในการตามหาความจริง และทำการวิเคราะห์เพื่อศึกษาวงโคจรของ 2020 SO
.
และคำตอบจากการคำนวณและการวิเคราะห์ได้พบว่า 2020 SO มันเคยเข้าใกล้โลกมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 1966 และเชื่อได้ว่ามันอาจจะไม่ได้มาจากที่อื่นแต่มาจากโลกของเราเอง
.
ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มาจาก CNEOS นำโดยทีมนักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอาริโซน่าได้ใช้กล้อง IRTF ของนาซ่า ที่ตั้งอยู่ในรัฐฮาวายในการวัดปริมาณของเเสงและคลื่นไฟฟ้าของ 2020 SO โดยการใช้กล้อง LBT สำรวจ
.
จากหลักฐานที่ได้รวบรวมมาสรุปได้ว่า 2020 SO ไม่ใช่ดาวเคราะห์แน่ๆ เพราะการสำรวจโดย IRTF เปรียบเทียบกับสเปคตรัม ของวัสดุที่ใช้ในจรวดเซนทอร์ พบว่าข้อมูลจากทั้งสองมีความใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันมากซะทีเดียว
.
ซึ่งทีมนักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าที่ข้อมูลสเปคตรัมที่ไม่ตรงกันมากนั้นอาจเกิดจาก 2020 SO เป็นชิ้นส่วนของจรวดเซนทอร์ ที่ปล่อยเมื่อปี 1964 หรือประมาณ 54 ปีมาแล้ว ซึ่งมันแสดงว่าชิ้นส่วนนั้นอาจจะเจอกับสภาวะของอวกาศจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนไปของวัตถุ
.
ต่อมานักดาราศาสตร์จึงเริ่มเปรียบเทียบต่อโดยที่ใช้กล้อง IRTF สำรวจสเปคตรัมของชิ้นส่วนจรวดเซนทอร์ซึ่งใช้ในการปล่อยดาวเทียมสื่อสารเมื่อปี 1971 หรือราวๆ 49 ปีที่แล้ว แต่มันยังอยู่ในวงโคจรที่ใกล้โลกมากๆ
.
และเมื่อนำข้อมูลของจรวดเซนทอร์ปี 1971 นั้น ไปเปรียบเทียบกับ 2020 SO ก็พบว่าข้อมูลดังกล่าวตรงกัน จากข้อมูลดังกล่าวเราจึงสรุปได้ว่าเจ้าวัตถุลึกลับหรือ 2020 SO นั่นคือชิ้นส่วนจรวดเซนทอร์ ที่ใช้ในการปล่อยยานอวกาศที่ไปสำรวจดวงจันทร์ เมื่อตอน 49 ปีที่แล้ว
.
ถึงแม้จะมีขนาดเล็กจนไม่สามารถที่จะบันทึกภาพได้ แต่ข้อมูลทั้งหมดที่เราได้มาก็ทำให้เราเชื่อได้ว่า 2020 SO คือชิ้นส่วนของจรวดจริงๆและมันจะยังอยู่ในวงโคจรใกล้โลกอีกซักพักก่อนที่จะถูกเหวี่ยงออกไปอยู่นอกวงโคจรของโลกในเดือนมีนาคมปี 2021
.
ทีนี้เราก็สามารถหาข้อสรุปกับเจ้าวัตถุลึกลับที่พุ่งเฉียดโลกได้แล้วว่ามันคืออะไร และไม่ต้องทำให้เรากังวลอีกต่อไปว่ามันจะส่งผลอะไรต่อโลกไหม เพราะมันเป็นเพียงชิ้นส่วนของจรวดเล็กๆเท่านั้นเอง
.
และมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าชิ้นส่วนต่างๆจากการพยายามพามนุษย์ไปสู่อวกาศแต่ละครั้งตั้งแต่อดีตมันยังคงไม่หายไปไหน ยังคงโคจรอยู่ในวงโคจรที่ใกล้โลก การพบชิ้นส่วนครั้งนี้ เป็นหลักฐานของความพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
.
ก่อนจากกันไปเราขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก Chatbee แอพหาคนรู้ใจใกล้คุณ โหลดเลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป